หลายเมืองใหญ่ในจีนเพิ่มมาตรการคุมเข้มโควิด

ปักกิ่ง 27 ต.ค. – หลายเมืองของจีนตั้งแต่นครอู่ฮั่นของมณฑลหูเป่ย์ ทางตอนกลาง ไปจนถึงนครซีหนิงของมณฑลชิงไห่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ ประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น คำสั่งปิดอาคารและล็อกดาวน์พื้นที่หลายเขต ทางการจีนรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ทั่วประเทศสูงกว่า 1,000 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สามติดต่อกันที่จีนมีตัวเลขผู้ป่วยโควิดรายใหม่มากกว่า 1,000 คน แต่เป็นจำนวนที่น้อยเมื่อเทียบกับตอนที่ทางการนครเซี่ยงไฮ้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่กว่า 10,000 คน นครอู่ฮั่น ซึ่งพบการระบาดของเชื้อโควิดเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2562 รายงานว่า พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่วันละ 20-25 คนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทางการต้องสั่งให้ประชาชนกว่า 800,000 คนในเขตหนึ่งของนครอู่ฮั่นอยู่แต่ในบ้านจนถึงวันอาทิตย์นี้ นอกจากนี้ ทางการนครอู่ฮั่นยังสั่งให้ร้านค้างดจำหน่ายเนื้อหมูในหลายพื้นที่ของนครอู่ฮั่น เนื่องจากพบผู้ป่วยโควิดที่มีความเชื่อมโยงกับร้านค้าเนื้อหมูแห่งหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียในนครซีหนิง ซึ่งมีประชากร 2.5 ล้านคน ของมณฑลชิงไห่ระบุว่า ประชาชนกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและราคาสินค้าที่จำเป็นพุ่งสูงขึ้น ในขณะที่ทางการสาธารณสุขเร่งควบคุมการระบาดของโรคโควิดหลังผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวระดับชาติในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเมืองใหญ่ของจีน เช่น นครเจิ้งโจวของมณฑลเหอหนาน เมืองต้าถงในมณฑลซานซี และเมืองซีอานในมณฑลฉ่านซี ที่ประกาศใช้มาตรการควบคุมโรคโควิดครั้งใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า […]

แฟนบอลสเปนหายตัวในอิหร่านขณะเดินเท้าไปฟุตบอลโลก

มาดริด 27 ต.ค. – แฟนบอลชาวสเปนหายตัวไปในอิหร่านในระหว่างที่เขากำลังเดินเท้าไปเข้าร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือเวิลด์คัพ 2022 ในเดือนพฤศจิกายนที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ กระทรวงต่างประเทศของสเปนระบุในแถลงการณ์ว่า นายซานติเอโก ซานเชส แฟนบอลชาวสเปน วัย 41 ปี ได้หายตัวไปในอิหร่านจริง ขณะนี้ สถานทูตสเปนประจำกรุงเตหะรานกำลังเร่งสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่อยู่ของนายซานเชสเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านกงสุล ทั้งยังระบุว่า สถานทูตสเปนในอิหร่านกำลังติดต่อกับทางการอิหร่านเกี่ยวกับข่าวการหายตัวไปของนายซานเชส ในขณะเดียวกัน สื่อของสเปนรายงานว่า นายซานเชสมีความเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โดยเขาได้ส่งรูปถ่ายของตัวเองให้เพื่อน ๆ ดูว่าเขาได้เดินทางถึงพรมแดนอิรักกับอิหร่าน พร้อมระบุข้อความว่า เขากำลังเดินทางเข้าอิหร่าน สื่อสเปนหลายแห่งยังคาดการณ์ว่า นายซานเชสอาจถูกทางการอิหร่านจับกุมตัวไว้ ขณะที่ครอบครัวของนายซานเชสกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า มีความเป็นไปได้สูงที่นายซานเชสอาจถูกทางการอิหร่านจับกุมขังไว้ในเรือนจำ ทั้งยังระบุว่า ตำรวจได้ขอให้พ่อแม่ของนายซานเชสเข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับบันทึกทันตกรรม ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน และภาพถ่ายรอยสักบนตัวของนายซานเชส ซึ่งตำรวจสเปนจะส่งข้อมูลเหล่านี้ให้แก่องค์การตำรวจสากลต่อไป ทั้งนี้ ข่าวการหายตัวของนายซานเชสมีขึ้นในขณะที่อิหร่านกำลังเผชิญกับเหตุประท้วงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ หลังมาห์ซา อามินี หญิงชาวอิหร่าน วัย 22 ปี เสียชีวิตในระหว่างที่ถูกตำรวจศีลธรรมของอิหร่านควบคุมตัวเมื่อวันที่ 16 กันยายน โทษฐานไม่สวมฮิญาบอยางเหมาะสม ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎการแต่งกายตามหลักศาสนา.-สำนักข่าวไทย

ส.ส. แคนาดาไม่เห็นชอบญัตติตัดขาดราชวงศ์อังกฤษ

ออตตาวา 27 ต.ค. – ส.ส. แคนาดา ลงมติไม่เห็นชอบญัตติของพรรคฝ่ายค้านที่เสนอให้แคนาดาตัดขาดกับราชวงศ์อังกฤษด้วยคะแนนไม่เห็นชอบ 266 เสียง และเห็นชอบเพียง 44 เสียง ส.ส. ในสภาสามัญชน (House of Commons) ของแคนาดา ลงมติไม่เห็นชอบญัตติของพรรคฝ่ายค้านที่เสนอให้แคนาดาตัดขาดกับราชวงศ์อังกฤษด้วยคะแนน 266 ต่อ 44 เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ผลการลงคะแนนดังกล่าวทำให้มีโอกาสน้อยมากที่ญัตติดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสภาสามัญชนและวุฒิสภา รวมถึงจังหวัดต่าง ๆ ของแคนาดาในการแยกตัวจากอังกฤษ ทั้งนี้ แคนาดาเป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) โดยมีสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เป็นองค์พระประมุข ก่อนหน้านี้ นายอีฟส์-ฟรองซัวส์ แบลนเช็ต หัวหน้าพรรคบล็อก เคเบกัวส์ ซึ่งเป็นพรรคท้องถิ่นของแคนาดา เผยเมื่อต้นสัปดาห์ว่า การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นโอกาสให้ชาวแคนาดาประกาศอิสรภาพจากราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขามองว่ามีความชำรุดทรุดโทรม ทั้งนี้ การลงมติของ ส.ส. แคนาดา มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ โดยเฉพาะประเทศในแถบทะเลแคริบเบียน กำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับบทบาทในอนาคตของราชวงศ์อังกฤษ หลังจากที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 […]

“มัสก์” อุ้มอ่างล้างหน้าเยือนสำนักงานใหญ่ทวิตเตอร์

แคลิฟอร์เนีย 27 ต.ค. – อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเทสลา เดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ที่เมืองซานฟรานซิสโกในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ โดยโพสต์คลิปวิดีโอผ่านทวิตเตอร์ที่แสดงให้เห็นว่าเขากำลังเดินอยู่ที่ล็อบบี้ของทวิตเตอร์พร้อมอุ้มอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่อยู่ในมือ มัสก์โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ในคลิปวิดีโอที่เขากำลังเดินอยู่ที่ล็อบบี้ของทวิตเตอร์พร้อมอุ้มอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า เขากำลังเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ในเมืองซานฟรานซิสโก และเอาอ่างล้างหน้าเข้าไปด้วย นอกจากนี้ มัสก์ยังเปลี่ยนข้อความหน้าบัญชีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ของเขาเป็น ‘หัวหน้าของทวิตเตอร์’ (Chief Twit) และเปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้งเป็น ‘สำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์’ (Twitter headquarters) หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า ศาลสหรัฐกำหนดให้มัสก์ปิดดีลซื้อกิจการของทวิตเตอร์ภายในวันศุกร์นี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการยุติเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังจากที่มัสก์เคยประกาศว่าบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการของทวิตเตอร์ในเดือนเมษายน แต่กลับเปลี่ยนใจในเวลาต่อมา จนทำให้ทวิตเตอร์ต้องยื่นฟ้องร้องต่อศาล อย่างไรก็ดี แม้มัสก์ได้เดินเดินทางเข้าสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ามัสก์ได้เสร็จสิ้นกระบวนการซื้อกิจการทวิตเตอร์แล้วหรือไม่ ขณะที่ทวิตเตอร์ยืนยันกับสำนักข่าวเอพีว่า มัสก์ได้เดินทางเข้าสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์จริงตามคลิปที่ปรากฏ และไม่ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมแต่อย่างใด. -สำนักข่าวไทย

หญิงอินโดนีเซียโดนงูเหลือมเขมือบทั้งตัว

หญิงชาวสวนยางพาราในจังหวัดจัมบีของอินโดนีเซียถูกงูเหลือมรัดจนเสียชีวิตและเขมือบเข้าท้องไปทั้งตัว หลังจากที่เธอหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา

ฟิลิปปินส์เกิดอาฟเตอร์ช็อกกว่า 400 ครั้งหลังแผ่นดินไหว

มะนิลา 26 ต.ค. – ฟิลิปปินส์เผชิญกับแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อก มากถึง 436 ครั้งในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรง 6.4 เมื่อคืนวันอังคาร  สภาการจัดการและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์ ระบุว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกมากถึง 436 ครั้งนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรง 6.4 เมื่อคืนวันอังคาร ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 26 คน โดยอาฟเตอร์ช็อกเกิดต่อเนื่องจนถึงช่วงบ่ายของวันนี้ สำหรับแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดอาบรา ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ลึกลงไปใต้ดินราว 11 กิโลเมตร แต่แรงสั่นสะทือนรู้สึกได้ไกลถึงกรุงมะนิลา ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของจังหวัดอาบราห่างออกไปราว 330 กิโลเมตร เหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ยังทำให้เกิดไฟดับในหลายพื้นที่ของจังหวัดคากายัน รวมถึงทำให้เกิดดินถล่มและหินถล่มบนท้องถนนในจังหวัดอาบราและจังหวัดอีโลโคสนอร์เต ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติลาวักในจังหวัดอีโลโคสนอร์เตต้องปิดบริการในวันนี้เนื่องจากเกิดรอยแตกบนทางวิ่งขึ้นลงของเครื่องบิน โดยคาดว่าจะเปิดสนามบินได้อีกครั้งในคืนวันพรุ่งนี้ ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ได้ระบุผ่านทวิตเตอร์แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้อาคารสูงเป็นการชั่วคราวในระหว่างหน่วยงานของรัฐกำลังเร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเก็บกวาดซากปรักหักพัง ทั้งยังขอให้ชาวฟิลิปปินส์ปลอดภัย และเตือนให้ทุกคนเฝ้าระวังแผ่นดินไหวต่อไปในระหว่างที่ทางการกำลังเดินทางเข้าไปช่วยเหลือ.-สำนักข่าวไทย

ปิดสวนสนุก “ยูนิเวอร์แซล” ในกรุงปักกิ่งหลังยอดโควิดเพิ่ม

ปักกิ่ง 26 ต.ค. – สวนสนุก ‘ยูนิเวอร์แซล ปักกิ่ง รีสอร์ต’ (Universal Beijing Resort) ในกรุงปักกิ่งของจีน ประกาศปิดบริการชั่วคราวตามมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของทางการกรุงปักกิ่ง และยังไม่ระบุว่าจะกลับมาเปิดบริการตามปกติเมื่อใด ขณะที่กรุงปักกิ่งพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้น คอมแคสต์ คอร์ป (Comcast Corp) เจ้าของสวนสนุกยูนิเวอร์แซล ประกาศวันนี้ว่า สวนสนุกยูนิเวอร์แซล ปักกิ่ง รีสอร์ตในกรุงปักกิ่งของจีน ได้ปิดบริการชั่วคราวตามมาตรการควบคุมโรคโควิดของทางการกรุงปักกิ่ง แต่ไม่ได้ระบุว่าจะกลับมาเปิดบริการตามปกติเมื่อใด ทั้งยังระบุว่า บริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการคืนเงินค่าตั๋วหรือเลื่อนตั๋วให้แก่ลูกค้าที่ซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้า สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กรุงปักกิ่ง ซึ่งยังคงใช้มาตรการควบคุมการเดินทางเข้าเมืองอย่างเข้มงวด มียอดผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มมากขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวระดับชาติที่เรียกกันว่า ‘สัปดาห์ทอง’ หรือโกลเดน วีค (Golden Week) เมื่อช่วงต้นเดือน ขณะที่ทางการกรุงปักกิ่งรายงานว่า พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ที่มีอาการป่วย 19 คน และผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการ 1 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่วนทางการจีนรายงานว่า พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ในประเทศ 1,407 คน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 12 วัน […]

อาเซียนเผยกังวลต่อสถานการณ์รุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมา

พนมเปญ 26 ต.ค. – กัมพูชา ซึ่งเป็นประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ในปีนี้ ระบุว่า อาเซียนรู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์รุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายระงับและยุติการต่อสู้ในทันที กัมพูชาระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า อาเซียนรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งหลังทราบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์ไม่สงบในเมียนมาที่ทำให้ประชาชนทั่วไปต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่เรือนจำอินเส่ง ซึ่งเป็นเรือนจำใหญ่ที่สุดของเมียนมาในนครย่างกุ้ง เหตุขัดแย้งกับรัฐกะเหรี่ยง และเหตุโจมตีทางอากาศที่รัฐคะฉิ่นเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งมีรายงานว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน ทั้งยังระบุว่า อาเซียนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจอย่างสุดความสามารถเพื่อยุติความรุนแรงในทันที รวมถึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเปิดการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ อีกด้วย ก่อนหน้านี้ กัมพูชาเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อาเซียนมีกำหนดเปิดประชุมคณะรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกในวันพฤหัสบดีเพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในเมียนมา ทั้งนี้ อาเซียนเคยพยายามใช้วิธีทางการทูตเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในเมียนมา แต่รัฐบาลทหารเมียนมากลับไม่ยอมทำตามฉันทามติ 5 ข้อตามที่ได้ตกลงไว้เพื่อยุติความรุนแรงและเดินหน้าสู่การเจรจาเพื่อสันติภาพ.-สำนักข่าวไทย

ยูเครนวอนผู้อพยพอย่ากลับประเทศเหตุพลังงานไม่พอใช้

เคียฟ 26 ต.ค. – ยูเครนขอให้ประชาชนที่อพยพออกจากประเทศตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ พำนักอาศัยอยู่ในต่างประเทศต่อไปจนสิ้นสุดฤดูหนาว เนื่องจากยูเครนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ไฟดับที่เกิดจากการที่รัสเซียโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครน ไอรีนา เวเรชชุก รองนายกรัฐมนตรีของยูเครน กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของยูเครนเมื่อวันอังคารว่า เธอขอให้ประชาชนที่อพยพออกนอกประเทศพำนักอาศัยอยู่ในต่างประเทศไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิก่อนที่จะเดินทางกลับมายูเครน และไม่ควรเดินทางกลับประเทศในตอนนี้ เนื่องจากยูเครนกำลังประสบปัญหาด้านพลังงานไม่เพียงพอในช่วงฤดูหนาว โดยที่ในขณะนี้มีชาวยูเครนกว่า 1 ล้านคนที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางไฟดับหลังถูกรัสเซียโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั่วประเทศ ยูเครนระบุว่า รัสเซียได้เปิดฉากยิงจรวดและใช้โดรนโจมตีทางอากาศใส่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน จนทำให้ยูเครนเผชิญกับปัญหาไฟดับและระบบส่งน้ำขัดข้อง นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุระเบิดบนสะพานเชื่อมรัสเซียกับคาบสมุทรไครเมียเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งรัสเซียเชื่อว่าเป็นฝีมือของกองทัพยูเครน ยูเครนยังระบุว่า รัสเซียได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนไปแล้วร้อยละ 40 ขณะที่เจ้าหน้าที่ในกรุงเคียฟเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ชาวยูเครนต้องเตรียมรับมือกับเหตุไฟดับที่อาจเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ทั้งนี้ เหตุโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครนของรัสเซียมีขึ้นในขณะที่หลายประเทศในทวีปยุโรปที่ชาวยูเครนอพยพไปพำนักอาศัยกำลังเผชิญกับปัญหาด้านพลังงาน อาหาร และค่าครองชีพอื่น ๆ ที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งทำให้ผู้อพยพชาวยูเครนยิ่งประสบปัญหาหนักขึ้นจากเดิมที่ต้องการหางานประจำที่มีรายได้ดีในประเทศใหม่. -สำนักข่าวไทย

ชายสกปรกที่สุดในโลกเสียชีวิตหลังอาบน้ำครั้งแรก

เตหะราน 26 ต.ค. – นายอามู ฮาจิ ชายอิหร่านเจ้าของฉายา ‘ชายสกปรกที่สุดในโลก’ เสียชีวิตด้วยวัย 94 ปี หลังจากที่เขาอาบน้ำเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีเมื่อไม่กี่เดือนก่อน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า นายฮาจิไม่ยอมอาบน้ำและไม่ใช้สบู่มาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี โดยเชื่อว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้เขาล้มป่วย ชายอิหร่านผู้นี้ ซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดฟาร์ส (Fars) ทางตอนใต้ของอิหร่าน เคยปฏิเสธไม่ให้ชาวบ้านนำตัวไปอาบน้ำเพื่อให้เนื้อตัวสะอาดมาแล้วหลายครั้ง อย่างไรก็ดี สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของอิหร่านรายงานว่า นายฮาจิทนแรงกดดันจากชาวบ้านไม่ไหวจนยอมอาบน้ำเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และมีอาการป่วยเพียงไม่นานหลังจากนั้นก่อนเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไออาร์เอ็นเอยังระบุว่า ผิวหนังของนายฮาจิมีขี้ไคลและหนองขึ้นเป็นจำนวนมากจากการไม่อาบน้ำมาเป็นเวลานาน เขาชอบกินเนื้อสัตว์เน่าและดื่มน้ำสกปรกจากกระป๋องนำมันเก่า ๆ  รวมถึงการสูบบุหรี่หลายมวนในครั้งเดียว ก่อนหน้านี้ นายฮาจิเคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เตหะราน ไทม์ส ในปี 2557 ว่า เขาชอบรับประทานเนื้อเม่น และอาศัยอยู่ในโพรงใต้ดินและเพิงอิฐที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างในหมู่บ้านเดชกาห์ (Dejgah) ของจังหวัดฟาร์ส ทั้งนี้ แม้ไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับสถิติผู้ที่ไม่อาบน้ำนานที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวการเสียชีวิตของนายฮาจิอาจทำให้สถิตินี้ตกไปเป็นของชายอินเดียที่ไม่ยอมอาบน้ำหรือแปรงฟันมาเป็นเวลานานถึง 35 ปี จากรายงานเมื่อปี 2552.-สำนักข่าวไทย

ไซโคลน “สีตรัง” ถล่มบังกลาเทศ ตายเพิ่มเป็น 24 คน

ธากา 26 ต.ค. – บังกลาเทศมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 24 คน หลังพายุไซโคลน ‘สีตรัง’ (Sitrang) พัดขึ้นฝั่งถล่มชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมื่อคืนวันจันทร์ และมีบ้านเรือนเกือบ 10,000 หลังถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายจากไซโคลนดังกล่าว ตำรวจและเจ้าหน้าที่บังกลาเทศเผยว่า พบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 24 คน หลังไซโคลนสีตรังถล่มชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมื่อคืนวันจันทร์ เหตุดังกล่าวทำให้มีประชาชนหลายล้านคนต้องใช้ชีวิตท่ามกลางไฟดับ และทำให้ทางการต้องอพยพชาวบังกลาเทศราว 1 ล้านคนออกจากพื้นที่ประสบภัย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกต้นไม้ล้มทับ นอกจากนี้ มีผู้เสียชีวิต 2 คนจากเหตุเรือล่มในแม่น้ำยมุนา ทางตอนเหนือของบังกลาเทศ และมีแรงงานชาวเมียนมา 1 คนที่ทำงานอยู่บนเรือเสียชีวิตจากเหตุตกดาดฟ้าเรือ ขณะนี้ ทางการบังกลาเทศยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากไซโคลนสีตรัง ตำรวจและเจ้าหน้าที่ยังระบุว่า มีประชาชนราว 10 ล้านคนในพื้นที่ตามแนวชายฝั่งต้องใช้ชีวิตท่ามกลางไฟดับเมื่อวันอังคาร ขณะที่โรงเรียนในพื้นที่ทางตอนใต้ของบังกลาเทศต้องสั่งหยุดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราว ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกระทรวงจัดการภัยพิบัติของบังกลาเทศ ระบุว่า ไซโคลนสีตรังได้พัดขึ้นฝั่งถล่มพื้นที่ทางตอนใต้ของบังกลาเทศเมื่อช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางการศรีลังกาได้สั่งอพยพประชาชนราว 1 ล้านคนออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำหรือริมฝั่งแม่น้ำก่อนไซโคลนสีตรังพัดถล่ม โดยย้ายประชาชนเหล่านี้ไปพักอาศัยอยู่ในศูนย์หลบภัยไซโคลนที่เป็นอาคารสูงหลายชั้น ทั้งยังระบุว่า มีบ้านเรือนเกือบ 10,000 หลังที่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายจากไซโคลนสีตรัง และมีฟาร์มเลี้ยงกุ้งราว 1,000 แห่งได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม.-สำนักข่าวไทย

1 42 43 44 45 46 1,268
...