Line Today ต่างประเทศ

แคลิฟอร์เนีย 11 ม.ค. – รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐประกาศคำสั่งอพยพประชาชนหลายหมื่นคนออกจากพื้นที่เมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังเผชิญกับพายุรุนแรงระลอกใหม่ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของสหรัฐ ระบุว่า พายุฝนระลอกใหม่ทำให้หลายพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ต้องใช้คำสั่งปิดถนนสายหลัก ต้นไม้หักโค่น และมีผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารถูกน้ำพัดหาย ซึ่งรวมถึงเด็กชายวัย 5 ขวบในพื้นที่ตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐแจ้งว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะต้องเผชิญกับพายุลูกใหม่ที่อาจทำให้มีปริมาณฝนสูงถึง 7 นิ้วในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น รวมถึงปริมาณหิมะตกหนาขึ้นที่เทือกเขาเซียร์ราเนวาดาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้านพาวเวอร์เอาต์เทจ (Poweroutage.us) เว็บไซต์ติดตามสถานการณ์ไฟดับในสหรัฐ เผยว่า มีบ้านเรือนและสำนักงานราว 110,000 หลังในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ตกอยู่ในสภาพไฟดับเมื่อวันอังคาร ในขณะเดียวกัน นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ขณะนี้ เขาได้สั่งอพยพประชาชนอย่างน้อย 34,000 คนออกจากพื้นที่แล้ว คาดว่าพายุลูกนี้จะทวีความรุนแรงและอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม รัฐแคลิฟอร์เนียอาจต้องเผชิญกับพายุต่อไปจนถึงวันที่ 18 ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน.-สำนักข่าวไทย

จีนเปิดด่านพรมแดนที่ติดกับเมียนมา ในมณฑลยูนนาน มีประชาชนเดินทางข้ามแดนกันอย่างคึกคัก

ชาวเมืองซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย สำรวจความเสียหายของทรัพย์สิน หลังเผชิญพายุรุนแรงครั้งล่าสุด บ้านหลายหลังได้รับความเสียหายและยังคงมีน้ำท่วมขัง บางหลังข้าวของกระจัดกระจายออกมาอยู่บนถนน

รถโดยสาร 2 คัน ประสานงาบนทางหลวงสายหลักในภูมิภาคกัฟฟรีน ของเซเนกัล มีผู้เสียชีวิต 40 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน

สหรัฐประกาศให้ความช่วยเหลือด้านการทหารครั้งใหญ่กับยูเครน มูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท)

สหรัฐประกาศปรับระดับเตือนภัยเป็น ‘สีแดง’ หลังภูเขาไฟคิลาเวในรัฐฮาวายของสหรัฐเริ่มปะทุอีกครั้งเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยตรวจพบแสงจ้าบนยอดเขาที่มีกลุ่มควันลอยออกมา

สายการบินแอร์อินเดีย ถูกสำนักงานการบินพลเรือนของอินเดีย (DGCA) ตำหนิจากกรณีลงโทษผู้โดยสารที่ไม่เคารพกฎระเบียบบนอากาศยานเบาเกินไป หลังเกิดเหตุผู้โดยสารชายคนหนึ่งจงใจปัสสาวะใส่ผู้โดยสารหญิงที่นั่งติดกันบนเที่ยวบิน

โตเกียว 6 ม.ค. – ซากุระพันธุ์ท้องถิ่นเริ่มเบ่งบานที่เมืองฮิตาชิในจังหวัดอิบารากิของญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งนับว่าเร็วกว่าเดิมที่มักบานในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค รายงานว่า ซากุระพันธุ์ ‘ฮิตาชิ เบนิ คันซากุระ’ (Hitachi Beni Kanzakura) ที่มีกลีบดอกสีชมพูอ่อน ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นซากุระพันธุ์ท้องถิ่นของเมืองฮิตาชิในปี 2549 และมีประมาณ 280 ต้นในสวนสาธารณะ โรงเรียน และสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองฮิตาชิ เจ้าหน้าที่ของทางการท้องถิ่นเมืองฮิตาชิเผยว่า มีซากุระราว 30 ต้นในสวนสาธารณะของเมืองเริ่มเบ่งบานแล้ว ซึ่งถือว่าบานเร็วขึ้นกว่าปกติ 1 สัปดาห์ และมีชาวเมืองหลายคนเริ่มพากันมาถ่ายรูปและชมความสวยงามของซากุระ ทั้งยังระบุว่า ซากุระพันธุ์นี้จะบานเต็มที่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และร่วงโรยในช่วงต้นเดือนมีนาคม ด้านชาวเมืองฮิตาชิไม่เผยนามคนหนึ่ง วัย 60 กว่าปี กล่าวว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่ซากุระบานเร็วขึ้นกว่าปกติในปีนี้ และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าที่ได้เห็นซากุระบานในฤดูหนาวเช่นนี้. -สำนักข่าวไทย

การลงคะแนนโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ผ่านไปแล้ว 3 วัน ยังไม่สามารถหาประธานสภาได้ นับเป็นการลงคะแนนโหวตประธานสภาที่ใช้เวลานานที่สุดในรอบ 164 ปี

ปักกิ่ง 6 ม.ค. – จีนประกาศเตือนให้เกษตรกรหลีกเลี่ยงการรวมตัวและใช้วิธีอวยพรผ่านระบบออนไลน์ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ชนบท กระทรวงเกษตรของจีนระบุในแถลงการณ์เมื่อคืนวันพฤหัสบดีว่า การควบคุมและป้องกันโรคโควิดในพื้นที่ชนบทกำลังเข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจากใกล้ถึงช่วงเทศกาลวันตรุษจีนแล้ว กระทรวงฯ ขอให้เกษตรกรจีนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด สวมหน้ากากอนามัย และส่งคำอวยพรปีใหม่จีนผ่านทางโทรศัพท์หรือวีแชต (WeChat) แอปพลิเคชั่นสมาร์ตโฟนยอดนิยมของจีนแทนการพบปะกันแบบตัวต่อตัว กระทรวงฯ ยังเตือนเกษตรกรจีนให้ระมัดระวังเรื่องสุขภาพ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อจำเป็น และไม่ควรเผยแพร่หรือหลงเชื่อข่าวลือต่าง ๆ ทั้งยังระบุว่า สถานการณ์ระบาดของโรคโควิดในจีนจะผ่านพ้นไปในที่สุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐตั้งข้อสังเกตว่า ประกาศของกระทรวงเกษตรจีนแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจีนหวั่นวิตกว่าการที่โควิดระบาดในเมืองใหญ่จะส่งกระทบรุนแรงมากขึ้นไปอีกในพื้นที่ชนบท ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย มีอัตราฉีดวัคซีนโควิดอยู่ในระดับต่ำ และมีระบบสาธารณสุขไม่ดีเท่าเมืองใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีชาวจีนกว่าหลายร้อยล้านคนเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับช่วงปลายเดือนนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้ จีนมียอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสะสมกว่า 10.5 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 32,600 คน. -สำนักข่าวไทย

ฮ่องกง 6 ม.ค. – ชาวฮ่องกงราว 250,000 คนแห่เข้าเว็บไซต์กดจองโควตาเดินทางเข้าจีนกันอย่างล้นหลามภายใน 5 ชั่วโมงแรกของการเปิดจองเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ จนทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าโควตาเดินทางเข้าจีนวันละ 60,000 คนอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของชาวฮ่องกง สื่อหลายแห่งของฮ่องกง เช่น หนังสือพิมพ์เหวินเหว่ยโป ซึ่งสนับสนุนทางการจีน และหนังสือพิมพ์ซิงเต่าเดลี รายงานตรงกันว่า มีชาวฮ่องกงราว 250,000 คนแห่เข้าเว็บไซต์กดจองโควตาเดินทางเข้าจีนภายใน 5 ชั่วโมงแรกของการเปิดจองเป็นวันแรกเมื่อวันพฤหัสบดี ส่วนโควตาของวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่จีนกับฮ่องกงเปิดพรมแดนระหว่างกัน ก็มีคนเข้าไปกดจองจนใกล้เต็มแล้วนับถึงช่วงเช้าของวันนี้ ขณะที่โควตาของวันที่ 21 ม.ค. ซึ่งเป็นวันไหว้ก่อนถึงวันตรุษจีน 1 วัน เหลือที่ว่างอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การเปิดพรมแดนของจีนกับฮ่องกง ซึ่งใช้มาตรการปิดพรมแดนมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 มีเป้าหมายเพื่อช่วยฮ่องกงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางธุรกิจและกิจกรรมทางสังคมกับจีน ซึ่งมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของฮ่องกงอย่างมาก อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศจะยังคงใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 บางส่วนไว้ เช่น นักเดินทางจากจีนที่เข้าฮ่องกงจะต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดแบบพีซีอาร์เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง และจะยังคงปิดจุดผ่านแดนบางส่วนต่อไป. -สำนักข่าวไทย

ลอนดอน 6 ม.ค. – เจ้าชายแฮร์รี่ ดยุกแห่งซัสเซกส์ ทรงยอมรับว่าได้สังหารศัตรู 25 รายในระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจทหารประจำการในอัฟกานิสถานในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ (Apache) หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานอ้างคำบอกเล่าของเจ้าชายแฮร์รี่ พระชันษา 38 ปี ในหนังสือเล่มใหม่ชื่อ “สแปร์” (Spare) ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 10 มกราคม พระองค์ทรงปฏิบัติ 6 ภารกิจในสมัยที่เข้าร่วมภารกิจทหารประจำการในอัฟกานิสถาน 2 ครั้งเพื่อต่อสู้กับกลุ่มตอลิบาน ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องสังหารชีวิตศัตรู 25 ราย แต่พระองค์ไม่ได้รู้สึกภูมิใจหรือละอายใจที่ต้องทำเช่นนั้น โดยมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเหมือนการกำจัดหมากรุกของฝ่ายตรงข้ามบนกระดาน หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ยังรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องจำนวนสมาชิกกลุ่มตอลิบานที่ถูกพระองค์สังหารมาก่อน เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจทหารประจำการในอัฟกานิสถาน 2 ครั้ง ครั้งแรกในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ควบคุมการโจมตีแนวหน้าทางอากาศในปี 2550-2551 และครั้งที่สองในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ ซึ่งเป็นอากาศยานโจมตีทางอากาศ ในปี 2555-2556 ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเคยรับราชการทหารในกองทัพบกอังกฤษนานถึง 10 ปี โดยระบุว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่พระองค์ได้เรียนรู้ถึงการเติบโตของชีวิต. -สำนักข่าวไทย