Line Today คุณภาพชีวิต

ทำเนียบฯ 25 ก.ย.- “อนุชา” เลี่ยงตอบปมอดีตพระพรหมดิลกหวนคืนผ้าเหลือง ชี้ ให้คณะสงฆ์พิจารณา นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ให้สัมภาษณ์ กรณีที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง นายเอื้อน กลิ่นสาลี อดีตพระพรหมดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในคดีฟอกเงินทุจริตจัดสรรงบประมาณของ พศ. ว่ายังไม่ได้รับรายงานจาก พศ. และยังไม่ได้มีการนัดหารือกัน “เรื่องดังกล่าวมีขั้นตอนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ผมไปสั่งให้ทำ เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องคิดและให้มีข้อยุติเรียบร้อยก่อน เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าศาสนาเป็นเสาหลักของประเทศ ในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนานิกชน ต้องประคับประคองทำทํานุบํารุงศาสนาให้อยู่ดำรงไปชั่วลูกชั่วหลาน ให้มีความเจริญ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ” นายอนุชา กล่าว เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาค่อนข้างมาก จะแก้ไขให้เกิดความชัดเจนอย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า ต้องค่อยๆ ไป บางครั้งบางประเด็นปัญหา ถ้าจะแก้ ก็ต้องแกล้งเงียบๆ แต่ขอให้พุทธศาสนิกชนมั่นใจ ว่า พศ. จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น และได้รับการแก้ไขไปสู่มิติที่ศาสนาจะเป็นเสาหลักให้เกิดเรื่องดีๆ ขึ้น เรื่องใดที่ไม่ดี ต้องให้คณะสงฆ์และมหาเถรสมาคมได้รับรู้ถึงประเด็นปัญหา แปลให้ฝ่ายสงฆ์ได้จัดการ เพื่อให้ประชาชนได้เห็น และพุทธศาสนาก็จะยั่งยืนไปชั่วลูกหลาน .- […]

สบส.24ก.ย.-อธิบดีกรม สบส.เคลียร์ประเด็นสถานพยาบาลที่ถูกยกเลิกสัญญาบัตรทองเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการขอประวัติการรักษาจากผู้ป่วย ย้ำทุกแห่งต้องอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยเข้าถึงประวัติการรักษา โดย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.)กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีการยกเลิกสัญญาให้บริการคลินิกชุมชนอบอุ่นกับสถานพยาบาลจำนวน 64 แห่ง ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งต้องย้ายสิทธิการรักษาไปยังสถานพยาบาลแห่งใหม่ โดยจะต้องใช้เอกสารสำคัญอย่างประวัติการรักษาจากสถานพยาบาลเดิมเพื่อให้การรักษาพยาบาลเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่กลับพบว่ามีการโพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลว่าสถานพยาบาลที่ถูกยกเลิกสัญญาฯ บางแห่งมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการขอประวัติการรักษาของผู้ป่วย ตนจึงมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพประสานไปยังสถานพยาบาลที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งหลังจากการพูดคุยปรับความเข้าใจกับสถานพยาบาลก็ได้มีการติดต่อคืนเงินให้กับผู้ป่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า กฎหมายสถานพยาบาลตามสิทธิผู้ป่วยกำหนดให้สถานพยาบาลจะต้องอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยเข้าถึงข้อมูลของตน เมื่อผู้ป่วยต้องการขอรับประวัติการรักษาของตนสถานพยาบาลจะต้องสำเนาเอกสารให้กับผู้ป่วยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น โดยกรม สบส.ได้ประสานกับโรงพยาบาลและคลินิกที่ถูกยกเลิกสัญญาฯ ซึ่งทุกแห่งพร้อมให้ความร่วมมือที่จะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการจัดทำสำเนาประวัติของผู้ป่วย และจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยเข้าถึงประวัติการรักษาด้วยความรวดเร็วและเหมาะสม ทั้งนี้ สปสช.ได้มีการแจ้งเวียนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานพยาบาลทั้ง 64 แห่ง ว่าสามารถขอรับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องไปขอประวัติการรักษาจากสถานพยาบาลเดิม โดยหน่วยบริการใหม่สามารถเรียกดูประวัติการรักษาจากฐานข้อมูลของ สปสช.และรับการรักษาต่อได้ แต่หากประชาชนพบว่าสถานพยาบาลใดปฏิเสธที่จะให้ประวัติการรักษาสามารถแจ้งสายด่วน กรม สบส. 1426 เพื่อดำเนินการต่อไป.-สำนักข่าวไทย