
รวมใจไทยหนึ่งเดียว


กต.ยันไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ผิดหวัง “กัมพูชา” ปล่อยเฟกนิวส์
ก.ต่างประเทศ 30 ก.ค.-กต.ยืนยันไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแม้แต่ครั้งเดียว ผิดหวัง “กัมพูชา” ปล่อยเฟกนิวส์ แจงไทยไม่เคยใช้อาวุธเคมี ขออย่าบิดเบือนคำพูดว่าที่ทูตสหรัฐฯ คนใหม่ จ่อพาทูตทหารลงพื้นที่ชายแดนภายในสัปดาห์นี้ ชี้ไม่ได้ล่าช้า แต่คำนึงถึงความปลอดภัย นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช เปิดเผยถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา นับตั้งแต่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้เวลา 24.00 น.ของวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้ามืดของวันนี้ ฝ่ายความมั่นคงของไทยมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้งหลายพื้นที่ เช่น การยิงปืนเล็ก และลูกระเบิดเข้ามาในเขตแดนของไทย ยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่พบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ไทยได้ส่งหนังสือแจ้งเรื่องการละเมิดไปยังประเทศมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน ในฐานะสักขีพยานในการเจรจาหยุดยิง ทั้งยังมีหนังสือไปถึงเลขาธิการสหประชาชาติไปแล้วเมื่อวานนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงช่วงเช้าวันนี้ หน่วยงานความมั่นคงพบการละเมิดข้อตกลง กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์การละเมิดดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการควบคู่ไปกับการแถลงการณ์ประณามกัมพูชาของกองทัพบกและกองทัพไทย โดยเมื่อวานนี้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้พบกับนายบุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ซึ่งเดินทางมาที่ไทยเพื่อหารือประเด็นดังกล่าว ในฐานะสมาชิกอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้าน นายมาริษ ได้อธิบายถึงท่าทีของไทยและข้อเท็จจริงบนพื้นที่ว่าเกิดอะไรขึ้นและการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดจริงของฝ่ายกัมพูชา นายบุ่ย ได้สนับสนุนท่าทีของไทยในการหาข้อยุติอย่างสันติวิธีโดยกลไกทวิภาคี […]

คณะผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่ฝั่งกัมพูชา
พนมเปญ 30 ก.ค. – วันนี้คณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติซึ่งนำโดยมาเลเซียเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในฝั่งกัมพูชา หลังจากมีการหยุดยิงไปเมื่อคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อของกัมพูชารายงานว่าในวันนี้พลเอกผู้บัญชาการกองทัพมาเลเซียเป็นหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติเดินทางลงพื้นที่ในเขตอันเซสซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบในจังหวัดพระวิหารของกัมพูชาเพื่อติดตามและกำกับดูแลการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมีผลไปเมื่อเวลาเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภารกิจการติดตามผลนี้เป็นความคิดริ่เริ่มของมาเลเซียซึ่งขณะนี้มีตำแหน่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียน เพื่อสร้างหลักประกันว่าประเทศคู่กรณีจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วน คณะผู้สังเกตการณ์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลไลการติดตามการหยุดยิงเพื่อยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงและสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สื่อของกัมพูชาให้ข้อมูลว่าคณะผู้สังเกตการณ์นี้ประกอบผู้ช่วยทูตจากชาติมหาอำนาจและประเทศมาชิกอาเซียน ตลอดจนนักการทูต รวมทั้งสิ้น 13 ประเทศได้แก่สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ส่วนประเทศในอาเซียนมีทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ สปป.ลาว เวียดนาม และเมียนมา พลเอกหญิงมาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาและโฆษกกระทรวงยืนยันว่า คณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติที่นำโดยมาเลเซียมี 2 คณะ โดยคณะหนึ่งประจำการอยู่ในกัมพูชา และอีกคณะหนึ่งประจำการในไทย โดยแต่ละคณะมีผู้ช่วยทูตทหารระดับสูงของมาเลเซียที่ประการจำการอยู่ในแต่ละประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้บัญชาการกองทัพมาเลเซียเดินทางมาถึงกัมพูชาตั้งแต่เมื่อวานนี้ และในช่วงเย็นวันเดียวกันได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในฝั่งกัมพูชา โดยได้พบปะกับผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยและกัมพูชา ซึ่งรวมถึงแม่ทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการทหารภาค 4 และภาค 5 ของกัมพูชา […]

กัมพูชา-ไทยยืนยันทำตามข้อตกลงหยุดยิงในที่ประชุมไตรภาคีกับจีน
ปักกิ่ง 30 ก.ค. — เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของจีนรายงานว่ากัมพูชาและไทยยืนยันความมุ่งมั่นว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมไตรภาคีอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจีน กัมพูชา และไทยจัดขึ้น ณ นครเซี่ยงไฮ้ ในวันพุธ (30 ก.ค.) โดยมีซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ พร้อมคณะผู้แทนจากกัมพูชาและไทยเข้าร่วม สำนักข่าวซินหัว รายงานว่ากัมพูชาและไทยยืนยันกับจีนว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง พร้อมแสดงความขอบคุณบทบาทเชิงบวกของจีนในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยการประชุมครั้งนี้ดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่จริงใจตรงไปตรงมา เป็นมิตร และสามัคคีปรองดอง จีนดำเนินบทบาทเชิงสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนกัมพูชาและไทยแก้ไขข้อพิพาทชายแดนอย่างสันติ และการประชุมครั้งนี้ถือเป็นความพยายามทางการทูตล่าสุดของจีนในเรื่องดังกล่าว.-813.-สำนักข่าวไทย

กพท.ออกประกาศห้ามบินโดรนทุกประเภททั่วประเทศ
30 ก.ค. – สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ออกประกาศด่วน ห้ามทำการบิน หรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (โดรน) ทุกประเภทในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.-15 ส.ค.68 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง การประกาศครั้งนี้มีขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ต่าง ๆ พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การห้ามบินโดรนในครั้งนี้สอดคล้องกับกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งให้อำนาจ กพท. ในการระงับการใช้งานอากาศยานไร้คนขับในช่วงเวลาที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ พร้อมย้ำว่า ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจทำลายอากาศยานได้ หากมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง หากผู้ใดพบเห็นหรือทราบว่ามีการบังคับหรือปล่อยโดรนที่ฝ่าฝืนประกาศนี้ ให้แจ้งข้อมูล ได้แก่ วัน เวลา สถานที่ที่พบเห็น ลักษณะของโดรน และภาพถ่ายหรือคลิปวิติโอ (ถ้ามี) ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเร็วผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้ […]

“ภูมิธรรม” ไม่กังวล กัมพูชาชิงความได้เปรียบ
ก.มหาดไทย 30ก.ค.-“ภูมิธรรม” ไม่กังวล กัมพูชาชิงความได้เปรียบ พาทูตต่างชาติลงพื้นที่ชายแดนก่อนไทย กำชับ ผบ.ตร. เร่งเก็บหลักฐานความเสียหาย ไม่หวั่นข่าวเท็จปล่อยเรื่อยๆ ทุกอย่างว่าตามความจริง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กองทัพบกเตรียมพาผู้ช่วยผู้ทหารชาติต่างๆ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปะทะ จะช้าไปหรือไม่ เพราะกัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารและสื่อต่างชาติลงพื้นที่ไปแล้ววันนี้ ว่า ใครไปก่อนไปหลังไม่เป็นไร แต่ตนได้พูดกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปแล้วว่า ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐานทั้งหมดให้เร็ว ก่อนที่ประชาชนจะกลับเข้าบ้าน ส่วนที่ชาวบ้านอุบลราชธานี กังวลใจ เพราะกัมพูชาไปชี้จุดบริเวณช่องอานม้า ให้ต่างชาติเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชานั้น นายภูมิธรรม บอกว่า ไม่ต้องกลัว ไม่ใช่อยู่ๆ จะอ้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริง และไม่กังวลเรื่องข่าวเท็จที่ปล่อยออกมาเรื่อยๆ เพราะทุกอย่างต้องว่าไปตามสิ่งที่เป็นจริง.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลเฝ้าระวังโรคในศูนย์พักพิงชายแดน
ทำเนียบ 30 ก.ค.-รัฐบาลเฝ้าระวังโรคในศูนย์พักพิงชายแดน คุมเข้มไข้หวัดนกจากกัมพูชา ป้องกันไข้เลือดออกใน จ.ศรีสะเกษ อย่างรัดกุม นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยในสถานการณ์ด้านสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่อยู่ในศูนย์พักพิง ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ รัฐบาล โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงเร่งดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นและรอบด้าน ในเบื้องต้น ได้มีการจัดส่งวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ลงพื้นที่ศูนย์พักพิง พร้อมทั้งแจกจ่ายหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และเน้นย้ำให้มีการปรุงอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ทุกมื้อ รวมถึงรณรงค์การล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ในกรณีที่พบผู้ป่วยโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการแยกตัวออกจากผู้อื่นและนำส่งสถานพยาบาลทันที เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้หวัดนกในประเทศกัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยพบว่ามีผู้ป่วยสะสมในปี 2568 จำนวน 13 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย ทั้งหมดติดเชื้อสายพันธุ์ H5N1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์รุนแรง แม้ประเทศไทยจะไม่พบการติดเชื้อไข้หวัดนกในคนมานานกว่า 19 ปี แต่รัฐบาลยังคงใช้มาตรการเชิงรุกภายใต้แนวคิด “สุขภาพหนึ่งเดียว” (One Health) โดยประสานความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อข้ามพรมแดน สำหรับโรคไข้เลือดออก ซึ่งพบการระบาดสูงสุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงสิงหาคม […]

ผบช.สอท.สั่งคุมเข้มหลังกัมพูชาโจมตีปล่อยข่าวในโลกออนไลน์
30 ก.ค. – พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ระบุว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาหลอกลวงพี่น้องประชาชนไม่ได้ลดน้องลงไป และจากข้อมูลที่มี รวมถึงที่ได้ไปดูที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังพบมีคนไทยที่หลบหนีข้ามแดนไปส่วนใหญ่ทำงานที่บ่อนปอยเปต หรือไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างผิดกฎหมายประมาณ 1,000 คน จะเดินทางกลับเข้ามา ซึ่งชุดที่กลับมาพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเคสไอดีรวมแล้วประมาณ 800 คดี ซึ่งคนที่พบมีหมายจับอยู่แล้วก็ได้ดำเนินคดีตามกฏหมาย และได้รับการประสานอีกว่าในวันรุ่งขึ้น (27 ก.ค.) จะมีคนไทยกลับข้ามแดนมาอีกกว่า 1,000 คน แต่พอมีข่าวประกาศหยุดยิงขึ้นมา กลับพบว่ามีคนข้ามกลับมาเพียง 74 คน ส่วนที่เหลือทราบว่าน่าจะเปลี่ยนใจกลับไปทำงานเหมือนเดิม สำหรับช่วงนี้ที่มีสถานการณ์ความไม่สงบ ก็จะพบมีการเปิดรับบริจาคให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สู้รบ ส่วนนี้ก็ได้ให้สายตรวจไซเบอร์เฝ้าระวังหากพบก็จะทำการปิดกั้นก่อนที่จะมีผู้เสียหายเกิดขึ้น ต้องบอกว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหล่านี้จะหาวิธีหลอกลวงโดยดูสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในช่วงนี้มีสถานการณ์สู้รบตามชายแดนก็จะเปิดเพจ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ชายแดน หรือพี่น้องทหาร ก็ต้องระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อถ้าท่านต้องการที่จะบริจาคหน่วยเงินให้หน่วยงานราชการเขาก็จะมีบัญชีหน่วยงานนั้น ๆ อยู่แล้ว แต่ถึงขนาดนี้ยังไม่เห็นว่ามีการเปิดรับบริจาคในลักษณะนี้ หากท่านพบเห็นการลงขอรับบริจาคในลักษณะนี้ขอให้สงสัยไว้ก่อน และตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงก่อนจะโอนเงิน และหากจะบริจาคจริงๆ ให้ดูในแอพพิเคชั่นโมบายแบ็งค์กิ้งของทางธนาคาร ก็จะมีบัญชีรายชื่อของหน่วยงาน มูลนิธิฯ อยู่เพื่อความปลอดภัยในการถูกหลอกลวง […]

เตือน 14 พื้นที่ “ห้ามบินโดรน” จังหวัดชายแดน-กระทบมั่นคง
ทำเนียบ 30 ก.ค.-รัฐบาลประกาศเตือน 14 พื้นที่ ห้ามบินโดรน ด้านกองทัพมั่นใจมีระบบ Anti-Drone ชายแดนไทย ขณะที่การบินพลเรือนฯ ย้ำสายการบินไป ลาว กัมพูชา เวียดนาม มีปรับเส้นทางบินเล็กน้อย แต่ยังเปิดให้บริการ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) กล่าวว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) สั่งห้ามบิน “โดรน” ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ใน 7 จังหวัดชายแดน ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการตรวจพบการใช้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินในลักษณะที่กระทบต่อความมั่นคงประเทศ การรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จึงได้ออกประกาศเน้นย้ำ ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการบินหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินหรือ “โดรน” ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ พื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด พื้นที่หวงห้ามเฉพาะ พื้นที่อันตรายตามที่กำหนด และในพื้นที่สำคัญ ดังนี้ นายจิรายุ กล่าวว่า […]

ระดมจิตอาสาด้านการแพทย์ ดูแลผู้ประสบภัยในศูนย์อพยพ
ทำเนียบ 30 ก.ค.-รัฐบาล ระดมจิตอาสาด้านการแพทย์ดูแลผู้ประสบภัยในศูนย์อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา พบ 24-29 ก.ค. ประชาชนมีภาวะเครียดสูง 293 ราย นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคงมีความตึงเครียด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตสะสม 15 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 38 ราย ในจำนวนนี้ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 11 ราย โดยมีผู้ป่วยอาการหนัก 8 ราย และอาการปานกลาง 3 ราย ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลในพื้นที่ 20 แห่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โดย 11 แห่งต้องปิดให้บริการ และอีก 9 แห่งให้บริการเฉพาะกรณีฉุกเฉิน ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบรวม […]

รัฐบาลยันดูแรงงานกัมพูชาอย่างดี พร้อมช่วยด้านมนุษยธรรม
ทำเนียบ 30 ก.ค.- โฆษกรัฐบาล ยัน รัฐบาลดูแรงงานกัมพูชาอย่างดี ย้ำ มติ ครม. ขยายให้อยู่ทำงานต่อได้โดยไม่ต้องออกไปตีตราที่บัตรผ่านแดน ซัดกลับเขมรใช้กระบวนการใต้ดิน-บนดิน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า หลังข้อตกลงหยุดยิงที่ปูตราจายา ประเทศมาเลเซีย นั้น ยังพบว่ากัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงสันติภาพในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ยังใช้กระบวนการใต้ดินและบนดิน กับประเทศไทยในทุกรูปแบบ โดยล่าสุดพบว่า กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรียกร้องบรรดาผู้ซื้อและผู้บริโภคนานาชาติ ให้แบนสินค้าและบริการของไทย โดยอ้างว่าไทยไม่ดูแลแรงงานกัมพูชา และมีการกดขี่ข่มเหง นั้น นายจิรายุ กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาเอาทุกเม็ด เก็บทุกทาง ที่จะโกหกรายวัน ไทยไม่เคยปฏิบัติกับคนกัมพูชาเช่นนั้น มีแต่จะดูแลดีกว่าเดิม เช่น มติ ครม. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้อยู่ทำงานต่อได้โดยไม่ต้องออกไปตีตราที่บัตรผ่านแดน ทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ด้านการแพทย์ นายจ้างหรือผู้ทำงานกับคนกัมพูชา ในจังหวัดต่างๆ ก็อยู่ร่วมกัน ด้วยความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี อีกทั้งสินค้า เมดอิน กัมพูชา ทั้งเสื้อผ้า […]

“พงศ์กวิน” ยันมีแผนรองรับสถานการณ์แรงงานกัมพูชากลับประเทศ
30 ก.ค. – นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า ไทยยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคในการดูแลแรงงานข้ามชาติ พร้อมมีแผนรองรับกรณีแรงงานกัมพูชาทยอยเดินทางกลับประเทศ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของภาคเศรษฐกิจและตลาดแรงงานไทย กรณีที่ปรากฏภาพข่าวในเวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการไตรภาคี เพื่อขับเคลื่อนแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ค.ศ. 2024–2028 ณ กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึงกรณีที่ประเทศไทยละเมิดสิทธิแรงงานและใช้ความรุนแรงต่อแรงงานชาวกัมพูชา นายพงศ์กวิน ได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงว่า ประเทศไทยในฐานะภาคีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความเสมอภาคในการจ้างงาน กระทรวงแรงงานไม่มีนโยบายเลือกปฏิบัติต่อแรงงาน ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติหรือสัญชาติใด และการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามหลักกฎหมายและมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในบริบทที่แรงงานข้ามชาติมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ขณะนี้กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรับฟังข้อมูลจากภาคประชาสังคม เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติที่รัดกุมและเป็นธรรม โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนมีความตึงเครียด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแรงงานบางกลุ่ม สำหรับสถานการณ์แรงงานกัมพูชาทยอยเดินทางกลับประเทศ กระทรวงฯ ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีแรงงานสัญชาติกัมพูชาบางส่วนเดินทางกลับประเทศจากสถานการณ์ความไม่สงบในบางพื้นที่บริเวณชายแดน โดยอยู่ระหว่างการสำรวจและรวบรวมข้อมูลที่ชัดเจน ผ่านความร่วมมือกับกรมการจัดหางานและหน่วยงานความมั่นคง ขณะเดียวกันได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดลงพื้นที่สื่อสารสร้างความเข้าใจกับนายจ้างและสถานประกอบการ พร้อมรับฟังผลกระทบ เพื่อเตรียมแนวทางรองรับแรงงานอย่างเหมาะสม พร้อมเน้นย้ำว่า กระทรวงแรงงานมีแผนรองรับในกรณีที่แรงงานกัมพูชากลับประเทศจำนวนมาก โดยจะพิจารณาจัดหาแรงงานสำรองจากประเทศอื่นที่มีความพร้อม และขณะนี้ยังมีแรงงานต่างด้าวที่รอการขึ้นทะเบียนอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำเข้าสู่ระบบงานได้ทันที “ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจ แม้จะมีแรงงานบางส่วนเดินทางกลับประเทศ แต่จะไม่กระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานมีแรงงานสำรองเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงานในประเทศอย่างแน่นอน” […]