“ทนายเอี้ยง” เตรียมยื่นประกันตัว พญ.คนดัง ปมสั่งยานอนหลับ

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – “ทนายเอี้ยง” เตรียมยื่นประกันตัวแพทย์หญิงคนดัง ปมสั่งยานอนหลับ ตร.เร่งสอบปากคำ ด้านเจ้าตัวเครียด ขอติดต่อครอบครัวเป็นลำดับแรก ความเคลื่อนไหวที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ทนายนิติศักดิ์ มีขวด หรือทนายเอี้ยง เดินทางมา พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายให้มาเป็นทนายความส่วนของ แพทย์หญิง ยศ พ.ต.อ. สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ หลังถูกจับกุมตัวที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านราชดำริ กรุงเทพฯ ทนายเอี้ยง กล่าวว่า ขณะนี้ตัวของแพทย์หญิงยังอยู่ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่สอบปากคำอยู่ชั้นบน กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 ซึ่งจะต้องดูว่าจะถูกแจ้งข้อหาใดบ้าง โดยตนจะเข้าไปร่วมฟังการสอบสวนด้วย และขอยื่นเรื่องประกันตัวหากไม่ได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ก็จะไปยื่นประกันตัวที่ศาลอาญารัชดา ส่วนครอบครัวของแพทย์หญิงกำลังเดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์ โดยมีรายงานว่าครอบครัวนั้นค่อนข้างเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีรายงานระบุว่า แพทย์หญิงมีการสั่งยานอนหลับดังกล่าวไปใช้ที่คลินิก โดยยาดังกล่าวเป็นยาควบคุม ซึ่งเข้าข่ายความผิด ร่วมกันครอบครอง และจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2, 4 ซึ่งมีการสั่งยาดังกล่าวมาเก็บไว้จำนวนมาก จนนำไปสู่การออกหมายจับ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบปากคำของชุดสืบสวนในคดีดังกล่าว ก่อนที่จะส่งตัวแพทย์หญิงให้กับพนักงานสอบสวน สอบปากคำพร้อมทนายความต่อไป ทั้งนี้ระหว่างการสอบปากคำแพทย์หญิงค่อนข้างเครียด และขอติดต่อครอบครัวเป็นลำดับแรก. -419-สำนักข่าวไทย

“พญ.” สวมชื่อคนตายรับยาหลายร้อยคน เงินหมุนเวียน 400 ล้าน

สธ. 10 มิ.ย. – ผู้ช่วย รมต.ประจำ สธ. เผย “พญ.” รพ.ตำรวจ สวมชื่อคนตายรับยาหลายร้อยคน พบคลินิกรับยา 11 แห่ง มีชื่อ พญ. เพียง 2 แห่ง เงินหมุนเวียนสูงถึง 400 ล้านบาท คาดมีหมอเกี่ยวข้อง 5-6 คน นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงข้อมูลเพิ่มเติมในเคสของ “พญ.” ว่าเคสนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโรงพยาบาลตำรวจ เพียงแต่ พญ.คนดังกล่าว เป็นหมอที่ประจำโรงพยาบาลตำรวจเท่านั้น ขณะนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจ กำลังตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับการรายงานว่ามีการสวมชื่อคนตายมารับยา ในปี 2567 กว่า 250 คน ในปี 2568 จำนวน 120 คน แค่เฉพาะ 2 ปี มีคนถูกสวมเอกสารการเสียชีวิตกว่า 370 คน นอกจากนี้ยังมีการลงพื้นที่ตรวจสอบ […]

รพ.ตำรวจ เร่งสอบข้อเท็จจริง “พญ.” อ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ

รพ.ตำรวจ 10 มิ.ย. – โฆษก รพ.ตำรวจ แจงปมแพทย์หญิงคนดังแอบอ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ย้ำคุมเข้มจริยธรรมวิชาชีพ พล.ต.ต.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยจากที่ปรากฏข้อมูลตามสื่อมวลชนว่า แพทย์หญิง ยศ “พ.ต.อ.” สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ ถูกจับกุมหลังแอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ มีเงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท และสามารถตรวจยึดของกลางในแฟลตตำรวจได้เป็นจำนวนมากนั้น” ขณะนี้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อโรงพยาบาลตำรวจได้รับรายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริงก็จะดำเนินการออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง และอาจพิจารณาสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนต่อไป โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ในกรณีการสั่งจ่ายยาวัตถุออกฤทธิ์และยาเสพติดให้โทษ ทางโรงพยาบาลตำรวจ ได้มีการควบคุมการสั่งจ่ายยาทุกครั้ง โรงพยาบาลตำรวจขอยืนยันว่าให้ความสำคัญกับจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพอย่างสูงสุด และจะดำเนินการตามกระบวนการที่โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้. -419- สำนักข่าวไทย

ปิดล้อมจับกุมเครือข่ายค้าอาวุธเถื่อน ยึดปืน-กระสุน จำนวนมาก-ผู้ต้องหา 12 ราย

10 มิ.ย. – ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมจับเครือข่ายค้าอาวุธเถื่อนกลางกรุง-ต่างจังหวัด ยึดกระสุนกว่า 3 หมื่นนัด ผู้ต้องหา 12 ราย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวกรณีนำกำลังเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในกรุงเทพมหานคร และหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตามยุทธการ “Bullet Express : ปิดเกม กระสุนส่งด่วน” สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 12 ราย พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดยุทธการ “ธรณีนี้มีชื่อมีแป” เพื่อกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล แก๊งมาเฟีย และอาชญากรรมร้ายแรงทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มค้าอาวุธปืนและมือปืนรับจ้าง ซึ่งจากปฏิบัติการครั้งนั้น บก.ป. ตรวจค้น 32 จุด จับผู้ต้องหาได้ 16 ราย ยึดอาวุธปืนได้ 23 กระบอก และกระสุน 564 นัด […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

ผบช.ภ.1. เผยผลสอบเงิน 12 ล้าน เป็นของ “ทวีวัฒน์” จริง

10 มิ.ย. – ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุผลสอบเงิน 12 ล้าน เป็นของ “ทวีวัฒน์” จริง ถูกถอนมาจากบัญชีธนาคาร ช่วงเดือน พ.ค.63 แต่เป็นการทยอยถอน ยอมรับการนำเงิน 12 ล้าน เก็บไว้ในคอนโดฯ ที่ไม่ได้พักอาศัย ผิดนิสัยคนปกติ จึงต้องตรวจสอบที่มาของเงิน เตรียมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพรุ่งนี้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า เบื้องต้นทางเรายังทำการสอบปากคำนายทวีวัฒน์ ในฐานะพยาน ซึ่งเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์มาก มีการส่งหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอจากนิติบุคคลที่เห็นกล่องลังว่าอยู่ภายในห้องและมีน้ำรั่วซึมจริงตามคำให้การ ซึ่งตำรวจได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำไปแล้ว เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าเงินดังกล่าวเป็นของนายวิวัฒน์จริง แต่ต้องไปตรวจสอบว่าเงินถูกถอนมาจากบัญชีใคร วันที่ไปถอนเจ้าตัวไปเองหรือใครไปถอนรวมถึงเงินมาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร ซึ่งเงิน 12 ล้านบาทนี้ ถูกถอนมาในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 63 แต่ไม่ได้ออกมาครั้งเดียว จึงต้องตรวจสอบในประเด็นนี้เพิ่มเติม ส่วนก่อนหน้านี้ทางนายทวีวัฒน์ได้นำหลักฐานมาชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักฐานสอดคล้องกับเงิน 12 ล้านหรือไม่ พล.ต.ท.สุรพล บอกว่า หลักฐานเส้นทางการเงินที่นำมายื่นยังไม่สอดคล้องกับรายได้ 12 ล้านบาท ที่เบิกออกมา ซึ่งจากการสอบปากคำเจ้าตัวมีการชี้แจงแล้วว่าถอนเงิน […]

“สนธิ-จตุพร” ยื่นถึงนายกฯ 6 ข้อ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – “สนธิ-จตุพร“ นำเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เรียกร้อง 6 ข้อ ปกป้องอธิปไตยไทย ตอบโต้กัมพูชา นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายวีระ สมความคิด และอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมด้วยเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทำหน้าที่ปกป้อง รักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ โดยในหนังสืออ้างจากกรณีที่ทหารและพลเรือนกัมพูชาได้รุกล้ำราชอาณาจักรไทยหลายพื้นที่ และยังปลุกระดม ใส่ร้ายประเทศไทยว่าได้ยึดครองปราสาทของกัมพูชา ทั้งที่พื้นที่เหล่านี้อยู่ในแผ่นดินไทย จนล่าสุดทางการไทยตอบโต้ด้วยการปรับลดเวลาเปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชา กระทบต่อรายได้จากแหล่งกาสิโน ทำให้รัฐบาลกัมพูชายอมถอยกำลัง นายสนธิ เปิดเผยว่า การถอยของฝ่ายกัมพูชาเป็นเพียงการถอยทางยุทธวิธียังไม่สามารถไว้ใจได้ เพราะกัมพูชายังประกาศว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การตัดสินของศาลโลก และกัมพูชายังยึดถือแผนที่มาตราส่วน 1 : 200000 ที่จัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสฝ่ายเดียว ไม่ยึดตามแนวสันปันน้ำตามธรรมชาติทำให้คลาดเคลื่อนจากพื้นที่จริง 200 เมตร กลุ่มประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินจึงยื่นหนังสือเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตอบโต้ทางกัมพูชา โดยเสนอ 6 มาตรการ คือ 1. รัฐบาลไทยต้องประกาศย้ำไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกและไม่ยอมรับการที่กัมพูชาจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาล โดยต้องใช้กลไกการเจรจาในรูปแบบทวิภาคี คณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

“ใหม่ ดาวิกา” ขึ้นศาลไต่สวน ปมถูกกล่าวหา “ดาราอกตัญญู”

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – “ใหม่ ดาวิกา” ดารา-นางแบบชื่อดัง เดินทางไปศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อไต่สวนมูลฟ้องคู่กรณี ปมถูกกล่าวหา “ดาราอกตัญญู” คดีนี้สืบเนื่องจากคู่กรณีโพสต์ข้อความลักษณะหมิ่นประมาท มีเนื้อหากล่าวหา ใหม่ ดาวิกา เป็น “ดาราอกตัญญู” ซึ่งไม่เป็นความจริง สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของใหม่ ดาวิกา การมาศาลวันนี้เจ้าตัวไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและขอไม่ให้สื่อเข้าฟังการพิจารณา พร้อมทั้งขอศาลไม่ให้สื่อลงข้อมูล เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนมูลฟ้อง ใหม่ ดาวิกา กล่าวกับสื่อมวลชนที่ปักหลักรอ โดยไม่อยากให้นำเสนอข้อมูล เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องที่มีการเข้าใจผิดว่าการมาศาลครั้งนี้้เป็น “คดีดรามา” จากละครเรื่อง “แม่หยัว” ก็ไม่ได้ติดใจอะไร อย่างไรก็ตาม ศาลได้นัดซักค้านฝ่ายจำเลยวันที่ 18 สิงหาคมนี้ เวลา 13.00 น. -สำนักข่าวไทย

แจ้งจับชาวจีนแอบถ่าย ตม. หวังทำคอนเทนต์แอบอ้างฟรีวีซ่า

9 มิ.ย.- ตม.สนามบิน เอาจริง! แจ้งจับชาวจีนแอบถ่าย ตม. หวังทำคอนเทนต์แอบอ้างฟรีวีซ่าเข้าเมือง จากกรณีปรากฏคลิปเผยแพร่ในสื่อโซเชียลเป็นภาพคนจีนถ่ายเจ้าหน้าที่ ตม.สนามบิน โดยมีการตัดต่อคลิป และพูดเป็นภาษาจีน พร้อมขึ้นตัวหนังสือไทย เขียนว่า “การทำงานในประเทศไทย โดยไม่ต้องขอวีซ่านั้น ต้องมีความสัมพันธ์กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเสียก่อน” พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ได้เห็นคลิปดังกล่าวตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และสั่งการให้ พ.ต.อ.หญิง เนาวรัตน์ เฉลิมศรี ผกก.ฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่ง พ.ต.อ.หญิง เนาวรัตน์ ได้รายงานว่าภาพคลิปดังกล่าว เป็นพื้นที่ทางเข้าโถงตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่ ตม. ที่ถูกถ่ายคลิป คือ ร.ต.อ. เอกนรินทร์ รอง สว.ฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ซึ่ง ร.ต.อ.เอกนรินทร์ จำได้ว่า มีนักท่องเที่ยวชาวจีน เดินมาขอให้ตนช่วยกรอกข้อมูลขาเข้าในระบบออนไลน์ หรือ TDAC โดยอ้างว่าไม่สามารถกรอกเองได้ เนื่องจากไม่เข้าใจ […]

หน่วยงาน 3 ป. เร่งหาที่มาเงินเจ้าปัญหา 12 ล้าน ได้มาถูกหรือไม่

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – “ป.ป.ช.-ป.ป.ท.-ปปป.” เตรียมหาที่มาเงิน 12 ล้านบาท ได้มาถูกต้องหรือไม่ ด้าน ป.ป.ช.อยู่ระหว่างเสนอกรรมการชุดใหญ่ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของภรรยานายทวีวัฒน์ ว่ามีการปกปิดหรือไม่ พรุ่งนี้เตรียมประชุมร่วมท้องที่เร่งพิสูจน์เจ้าของเงิน นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช., นางสาวอรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ผบก.ปปป. เข้าร่วมประชุมติดตามที่มาของเงิน 12 ล้านบาท ภายหลังการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง นายสุขสันต์ กล่าวว่า ป.ป.ช.จะต้องแบ่งการตรวจสอบเรื่องนี้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อให้มีมติในการตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของภรรยานายทวีวัฒน์ เนื่องจากตัวภรรยา มีตำแหน่งเป็น ผอ.ในหน่วยงาน ป.ป.ช. ซึ่งตามปกติก็ต้องยื่นแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้งของตัวเองและคู่สมรสและครอบครัวทุก 3 ปี ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งคาดว่าการเสนอเรื่องนี้จะมีมติภายใน […]

รวบสาวโพสต์เฟซบุ๊ก บิดเบือนข้อเท็จจริง ชายแดนไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 9 มิ.ย.-ตำรวจไซเบอร์จับผู้ต้องหาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนและด่านความมั่นคง สร้างความตื่นตระหนกในโซเชียลมีเดียเป็นวงกว้าง ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ควบคุมตัวนางสาวภิรัญญา อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ภายหลังผู้ต้องหา โพสต์ข้อความ ในบัญชีเฟซบุ๊กของตัวเอง เกี่ยวกับปัญหาแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา และมีข้อความบางส่วน เป็นข้อมูลเท็จ ทำให้ประชาชนเกิดความหลงเชื่อตื่นตระหนก เช่น ระบุข้อความว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้น จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน หรือสั่งให้อพยพประชาชนบริเวณชายแดน เป็นต้น จนทำให้มีผู้เล่นโซเชียลมีเดีย เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวผู้ต้องหาภายในบ้าน ในพื้นที่ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จากการให้การของผู้ต้องหา ยอมรับว่าทำไปเพราะมีอคติส่วนตัว เกี่ยวกับกรณีพิพากระหว่างชายแดน ทั้งที่ไม่มีข้อเท็จจริง ไม่มีเจตนาที่จะสร้างรายได้จากการโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ผ่านทางโซเชียลมีเดีย แต่ตำรวจมีหน้าที่ในการปกป้องสังคม ตรวจสอบข้อมูลที่อาจสร้างผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ไม่ประสงค์ดีพยายามสร้างข่าวปลอมเพื่อบิดเบือน สร้างความเข้าใจผิดเป็นวงกว้าง เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิประชาชน ไม่ให้ตกเป็นผู้เสียหาย.-416.-สำนักข่าวไทย

1 39 40 41 42 43 2,049
...