จ่อสอบ “อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ” ปมถูกร้องเอี่ยวทุจริตสร้างศาสนสถาน

20 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. จ่อลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ตรวจสอบปม “อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ” ถูกร้องพัวพันทุจริตสร้างศาสนสถาน-แชตคุยเศรษฐินี แหล่งข่าวระดับสูงจาก บช.ก. ยืนยันว่า อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ คือพระสมณศักดิ์สูงที่ถูกร้องเรียนและเป็นประเด็นใหม่ที่ศูนย์ทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา บช.ก. กำลังดำเนินการตรวจสอบตามที่เป็นข่าวมาตลอด ประเด็นหลักที่ต้องตรวจสอบทั้งข้อเท็จจริงเรื่องการเรี่ยไรเงินบริจาคก่อสร้างอุทยานศาสนสถานแห่งหนึ่งที่ก่อสร้างมานานมากแต่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยเรี่ยไรเงินบริจาคทั้งจากประชาชนและวัดในพื้นที่และนอกพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนเศรษฐินีที่ปรากฏในแชตที่พูดคุยเชิงชู้สาว ต้องตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระหรือไม่ เพราะพบว่าเศรษฐินีคนนี้ไม่ได้ประกอบอาชีพใด แต่มีฐานะร่ำรวย ทั้งนี้ แม้ทางวัดนครสวรรค์จะออกแถลงการณ์ว่าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการก่อสร้างศาสนสถาน แต่ตำรวจอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและและเตรียมลงพื้นที่ไปตรวจสอบสอบที่วัดอย่างละเอียด.-416-สำนักข่าวไทย

มวลชนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์หน้าสถานทูตกัมพูชา

20 ก.ค.- “คปท.-ศปปส.” รวมพลังหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องรัฐบาลรักษาอธิปไตยไทย หลังเหตุทหารเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย กำลังตำรวจ กว่า 100 นาย ตรึงกำลังบริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชา และกระจายกำลังประจำจุดต่างๆ นำแผงเหล็กวางกั้นตลอดแนว ดูแลความเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัย รวมถึงดูแลการจราจรโดยรอบพื้นที่ ขณะที่ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพธรรม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และมวลชน เดินทางไปสถานทูตกัมพูชา รวมพลังเรียกร้องหน้าสถานทูตกัมพูชา หลังกำลังพลทหารไทยเหยียบกับระเบิดขณะออกลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกตไปยังเนิน 481 ชายแดนไทย-กัมพูชา บาดเจ็บ 3 นาย และเหยียบกับระเบิดขาขาด โดยกลุ่มผู้ชุมนุมมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โบกธงชาติไทย ชูป้ายไม่ยอมเสียดินแดน ร้องเพลงปลุกใจเพลง “สู้ตรงนี้ สู้จนตาย เป็นคนสุดท้าย” และมีรถติดตั้งเครื่องขยายเสียงจอดริมถนนกล่าวปราศรัยถึงกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิด พร้อมเรียกร้องรัฐบาลรักษาอธิปไตยของชาติ ทั้งนี้ บริเวณถนนหน้าสถานทูตกัมพูชา ยังเปิดให้รถสัญจรได้ตามปกติทุกช่องทาง นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า วันนี้มาเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์สื่อสารไปถึงรัฐบาลและทหารของกัมพูชา หลังเกิดข้อพิพาทบริเวณแนวชายแดน ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย […]

สิบล้อขนดินทำหล่นเกลื่อนถนน โคลนโดนรถจอดริมทางเสียหาย

20 ก.ค.- สิบล้อขนดินทำหล่นเกลื่อนถนนเทพรักษ์ ขาออก ลากยาวเกือบ 200 ม. รถยนต์ชาวบ้านจอดริมทางเสียหาย 10 คัน ล่าสุด จนท.เข้าทำความสะอาด เปิดการจราจรแล้ว 00.30 น. ศูนย์วิทยุอปพร.สายไหมรับแจ้ง มีรถขนดินโคลนทำดินหกหล่น ตกใส่รถยนต์ชาวบ้านที่จอดริมถนนเทพรักษ์ แขวงคลองถนน เขตสายไหม ตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ช่วงถนนเทพรักษ์ ขาออก (เข้าจากถ.พหลโยธิน แยกวัชรพล) ระหว่าง ซ.เทพรักษ์ 11-13 เบื้องต้นรถยนต์เสียหายประมาณ 10 คัน ระยะทางยาว 200 ม. เมื่อเวลา 02.50 น. เจ้าหน้าที่รถน้ำเขต พร้อมด้วย อปพร.สายไหม ระดมกำลังอาสาฯ ช่วยกันกวาดถนนและล้างดินโคลน ล่าสุดการจราจรกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ยังอุบชื่อพระผู้ใหญ่คดีใหม่ อมเงินบริจาค-เอี่ยวสีกา

กทม. 19 ก.ค.-คดีนารีพิฆาตพระของกอล์ฟ ที่ทำพระชั้นผู้ใหญ่ 13 รูป ต้องปาดน้ำตาสละผ้าเหลือง ตำรวจยังตามสอบเรื่องเส้นเงินต่อ แต่ยังมีอีกปริศนา “บิ๊กเต่า” บอกกำลังตรวจสอบพระสมณศักดิ์สูง ความผิดนี้หนักถึงขั้นปาราชิก แต่ยังอุบชื่อ ไม่ใช่แค่เรื่องขอเงินบริจาคสร้างศาสนสถานที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งมีจำนวนหลายร้อยล้านบาท แต่ยังมีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยวข้องด้วย นี่เป็นคำยืนยันล่าสุดของ “บิ๊กเต่า” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ที่บอกกับนักข่าวว่า กำลังเปิดคดีใหม่ที่มีพระสมณศักดิ์สูงกว่าคดีกอล์ฟกระทำผิดวินัยสงฆ์ และเคสนี้สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ทำนุบำรุงศาสนาฯ เกี่ยวกับพระชั้นผู้ใหญ่ ทุจริตเงินบริจาค และเกี่ยวข้องกับสีกา แต่ไม่ใช่ “กอล์ฟ” และตำรวจเริ่มปฏิบัติการมาสักพักแล้ว ความผิดถึงขั้นปาราชิก แต่ขอยังไม่เปิดเผยเป็นพระวัดใด แต่มั่นใจว่า หากเปิดชื่อมาทุกคนต้องตะลึง เพราะเป็นพระที่มีชื่อเสียงทุกคนรู้จัก และอีกไม่นานจะเข้าตรวจค้นผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หลังจากที่ “บิ๊กเต่า” ให้สัมภาษณ์กับสื่อ สังคมก็แห่ไปไล่ลำดับชั้นของพระผู้ใหญ่ที่อยู่สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟมีกี่ชั้น และมีใครบ้าง ก็ปรากฏว่า ศาสตราจารย์ดอกเตอร์อุทิส ศิริวรรณ ผู้คร่ำหวอดค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับวัดและแวดวงสงฆ์ได้โพสต์FB ข้อความว่า “พลันที่เห็น 3 ภาพลับ ผมเองช็อคและน็อคแน่นิ่ง คล้ายฟ้าถล่มลงตรงหน้า ภาวนาว่า ไม่เป็นความจริงๆ” ส่วนแพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร […]

ฝากขัง “เสือปุ่น” พร้อมสมุนแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้านย่านลาดพร้าว

กทม. 19 ก.ค.-ตัว “เสือปุ่น-เสือบอล” 2 ใน 7 คนร้าย แก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้านย่านลาดพร้าว ไปฝากขัง หลังหลบหนีนานกว่า 2 สัปดาห์ เร่งล่า “นายโบ้” พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้เบิกตัวนายวรวัฒน์ หรือเสือปุ่น อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกสมุน นายบอล อายุ 35 ปี ออกจากห้องควบคุมมาขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา เพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญา รัชดา ในความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด” พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวกลัวว่าจะหลบหนี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าก่อนนำตัวไปฝากขังมารดาของเสือปุ่น ได้นำอาหารและขนมหวาน เข้ามาเยี่ยมและพูดคุยกัน ทั้งนี้ระหว่างการควบคุมตัวไปฝากขังผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาถึงการก่อเหตุว่าทำไมถึงเลือกก่อเหตุในห้างสรรพสินค้า และเป็นหัวหน้าแก๊งจริงหรือไม่ แต่ทางเสือปุ่น ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ เมื่อถามอีกว่าแม่รออยู่ข้างนอกอยากจะขอโทษแม่หรือไม่ เสือปุ่นบอกว่า “ครับ” โดยระหว่างอยู่ที่รถควบคุมผู้ต้องหาทางมารดาได้พยายามพูดคุยกับเสือปุ่นบอกว่าเดี๋ยวแม่จะไปหาที่ศาล โดยเสือปุ่นได้ตอบรับคำถามของมารดา บอกว่า ไม่ต้องครับแม่ กลับบ้านเลย กลับบ้านดีๆ […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

“บิ๊กเต่า” ปรับความเข้าใจสำนักพุทธฯ เดินหน้าสางคดี “กอล์ฟ”

บก.ปปป. 18 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” ปรับความเข้าใจสำนักพุทธฯ หลังสะท้อนปัญหา พร้อมเดินหน้าสางคดี “กอล์ฟ” จ่อตรวจสอบพระชั้นผู้ใหญ่สมณศักดิ์สูง ทุจริตเงินบริจาคสร้างศาสนสถานหลายร้อยล้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่วานนี้ (17 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เข้าขอข้อมูลหลักฐานเส้นทางการเงินของวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ว่า ทางตำรวจต้องการเส้นทางการเงินของวัดย้อนหลัง 3 ปี เนื่องจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสมีส่วนเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟ โดยตำรวจจะตรวจสอบคดีอาญาคู่ขนานไปกับวินัยสงฆ์ จะเก็บพยานหลักฐานทุกอย่างเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนที่เจ้าอาวาสจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้นอย่าเพิ่งไปกล่าวหา ขอให้ดำเนินการตรวจสอบกับพระทั้ง 13 รูปก่อน ก่อนที่จะขยายผลไปกับบุคคลอื่น รวมไปถึงเจ้าอาวาสวัดด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นบุคคลใกล้ชิดและยังเป็น ผอ.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยทิดประสิทธิ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองที่ แต่หากการตรวจสอบพบว่าเกี่ยวข้องกับใครดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน ส่วนที่มีการขนเงินทำบุญใส่รถกระบะมาให้สีกากอล์ฟหลายครั้งนั้น เรื่องนี้ตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจน รวมถึงมีคนรู้เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องระหว่างทิดประสิทธิ์ กับสีกากอล์ฟ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินทำบุญหรือเป็นเงินส่วนตัวก็ตาม ตำรวจก็ต้องมีการตรวจสอบ โดยหลังจากนี้ทางตำรวจจะมุ่งเน้นในเรื่องของเส้นทางการเงิน โดยไม่ได้หยุดแค่พระสึกแล้วจบ แต่มุ่งเน้นเส้นเงินที่เชื่อมไปบุคคลภายนอกที่เป็นฆราวาส หรือบุคคลใกล้ชิดกับพระ ที่จะเข้าข่ายการทุจริต เรื่องเหล่านี้จะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทยอยเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล รวมถึงพระครูศรีรัตนวิเชียร” หรือ “พระมหายอดเพชร” […]

คุมได้แล้ว! ไฟไหม้อาคารพาณิชย์ สยามสแควร์ซอย 3

18 ก.ค.- ผอ.เขตปทุมวัน เผยเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์ สยามสแควร์ซอย 3 คุมเพลิงได้แล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างตรวจสอบหาสาเหตุ เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ขนาด 3 คูหา สูง 4 ชั้น ในพื้นที่สยามสแควร์ซอย 3 เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นและร้านขายอุปกรณ์สปาอยู่ร่วมกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบรรทัดทองและบ่อนไก่ระดมรถน้ำช่วยกันดับไฟ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ต้องคอยฉีดน้ำเพื่อระบายควันและลดความร้อนสะสม จากการตรวจสอบจุดต้นเพลิงอยู่บนชั้น 4 ซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์จำพวกพลาสติก ตะเกียบไม้ กองผ้า และเศษวัสดุอื่น ๆ ที่ติดไฟได้ง่าย จึงเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี นายอิทธิพล อิงประสาร ผอ.เขตปทุมวัน ระบุไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ พฐ. ขณะที่ฝ่ายโยธาจะเข้าตรวจสอบอาคาร หากพบไม่ปลอดภัยจะมีคำสั่งงดใช้อาคารต่อไป – สำนักข่าวไทย

นอนคุกคืนแรก “สีกากอล์ฟ” ไม่เครียด-ร่วมมือดี

กรมราชทัณฑ์ 18 ก.ค.- “สีกากอล์ฟ” นอนคุกคืนแรก กักโรค 5 วัน ก่อนแยกแดน ไม่เครียด ให้ความร่วมมือดี นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วานนี้ 17 ก.ค. ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้รับตัว น.ส.วิลาวัลย์ หรือสีกากอล์ฟ ตามหมายขังระหว่างสอบสวนของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยนำตัวผู้ต้องขังเข้าแดนระหว่างพิจารณาคดี ดำเนินการตามกระบวนการรับตัวและกักโรคตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ โดยกักตัวร่วมกับผู้ต้องขังเข้าใหม่รายอื่นทั่วไป สีกากอล์ฟได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังร่วมห้องกักโรคบ้าง ไม่ได้มีพฤติกรรมแยกตัวผิดปกติใดๆ ซึ่งจะคุมขัง 5 วันก่อนพิจารณาย้ายคุมขังแดนอื่นต่อไป นางกนกวรรณ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ดำเนินการตรวจสุขภาพทั่วไปปกติ ไม่มีโรคประจำตัว ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล ให้ประวัติกับเรือนจำเป็นอย่างดี ส่วนอาหารมื้อเย็นวานนี้ (17 ก.ค.) เป็นข้าวสวย ต้มซุปมันเทศใส่ไก่ น้ำพริกตาแดง ผักสด รับประทานได้บ้างแต่ไม่มากนัก พูดน้อย แววตามีความกังวล แต่ไม่แสดงอาการเครียดหรือเศร้าซึมมากนัก นอนหลับได้บ้าง รับฟังข้อมูลการปฏิบัติตัวในเรือนจำ ไม่ได้สอบถามหรือแสดงความต้องการใดๆ เป็นพิเศษ สำหรับหมายขังระหว่างสอบสวนครั้งที่ 1 จำนวน […]

ผบ.ตร.ยันไม่ก้าวล่วงกรณีอดีต รอง ผบ.ตร.ร้องศาลปกครองฯ

บช.ก. 17 ก.ค. – ผบ.ตร.แจงกรณีอดีตรอง ผบ.ตร.ร้องศาลปกครองสูงสุดขอความเป็นธรรม ยันไม่ก้าวล่วงการพิจารณาของตุลาการ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ โดยกล่าวหาว่าคำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย พร้อมขอให้ตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับตุลาการเจ้าของสำนวน ฐานมีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงว่า เป็นสิทธิของอดีตรอง ผบ.ตร.ในการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เป็นสิทธิของอดีต รอง ผบ.ตร.ที่จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ตนเองในฐานะข้าราชการตำรวจและหัวหน้าหน่วย ไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงการพิจารณาของตุลาการแต่ละท่านได้ เพราะตุลาการล้วนเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในวิชาชีพอย่างลึกซึ้ง “แม้ตนเองจะเป็นผู้รักษากฎหมาย ก็ต้องยอมรับว่าไม่อาจเทียบเคียงกับองค์ความรู้ของตุลาการได้ ไม่ว่าผลการพิจารณาจะออกมาอย่างไรก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินด้วยความเคารพอย่างสูง และจะไม่วิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังย้ำด้วยว่า ตุลาการไม่ว่าจะอยู่ในศาลใด ต่างเป็นผู้มีความรู้ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย มีความมั่นคงในวิชาชีพ และสามารถวิเคราะห์พิจารณาคดีได้อย่างเป็นธรรม ส่วนตัวให้ความเคารพทั้งต่อกระบวนการยุติธรรม และต่ออดีตรอง ผบ.ตร. ที่ได้ใช้สิทธิทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาในทางใด สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมจะน้อมรับ และดำเนินการตามแนวทางบริหารงานบุคคลให้เหมาะสม […]

ผบ.ตร.หวังกัมพูชาจะร่วมมือส่ง “ก๊กอาน” มาดำเนินคดี

บช.ก. 17 ก.ค. – ผบ.ตร.หวังกัมพูชาจะให้ความร่วมมือส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน “คดีก๊กอาน” หากเมินเฉย ถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีก๊กอาน ว่า คดีนี้ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 5 คน และสัญชาติกัมพูชา 2 คน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ผู้ต้องหาสัญชาติไทย 5 คนนั้น ได้สัญชาติไทยมาได้อย่างไร รวมถึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของบัตรประชาชนคนไทยด้วย ส่วนเรื่องการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ด้วยความที่เป็นคดีนอกราชอาณาจักรจึงต้องให้พนักงานอัยการเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนั้นก็จะออกหมายแดงประสานตำรวจสากล ให้ช่วยติดตามจับกุมตัว เพราะในบรรดาแต่ละประเทศก็มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความคาดหวังที่จะได้รับความร่วมมือจากตำรวจกัมพูชานั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า เราต้องมีความคาดหวังจากหมายแดง แต่ถ้าหากกัมพูชาไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ก็ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของประเทศนั้น ซึ่งทางตำรวจไทยก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดีให้ได้.-419-สำนักข่าวไทย

1 13 14 15 16 17 2,048
...