”ศักดิ์สยาม” ถก “กรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน

กรุงเทพฯ 6 ก.ค.-ศักดิ์สยามถกกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน ดึงประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นโครงการลงทุนหน่วยงานในสังกัดคมนาคม-ยัน! กระทรวงคมนาคม ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารราชการ


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร และคณะ ว่า กระทรวงคมนาคมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ในการเข้าพบและประชุมเพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเท็จจริง ความเห็นในประเด็นที่เกี่ยวกับนโยบาย โครงการ แผนงานกิจกรรมการขับเคลื่อนด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน และช่องทางการสื่อสารที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ในหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การบริหารงานของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพัฒนาระบบให้บริการประชาชน มีการนำเสนอข้อมูลผลการปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ที่ประชาชนได้รับที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม และเน้นย้ำถึงกระบวนการมีส่วนร่วมและแก้ไขเรื่องปัญหาร้องเรียนของประชาชน เพื่อให้การสื่อสารสู่สาธารณชนในทุกรูปแบบเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส

ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานวางแผนเชิงนโยบายและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในทุกโหมดการเดินทางอย่างบูรณาการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการควบคู่ไป คือมิติของการมีส่วนร่วมและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ซึ่งกระทรวงฯ ได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น ช่องทางสื่อสารมวลชนสื่อสังคมออนไลน์ สายด่วนและศูนย์ประสานงานเรื่องราวร้องทุกข์ รวมถึงให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้ประชาชน ผู้รับบริการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน การพัฒนากระบวนงาน และการให้บริการประชาชน โดยยึดหลักกฎหมาย หลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ด้วยความเท่าเทียมเสมอภาค โปร่งใส เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างสูงสุด 


สำหรับนโยบายขับเคลื่อนแผนงานการพัฒนาด้านคมนาคม การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ของหน่วยงานในสังกัดที่ได้ดำเนินการปี 64 สานต่อปี 65 ประกอบไปด้วย 1. นโยบายขับเคลื่อนแผนงานการพัฒนาด้านคมนาคม ภายใต้วิสัยทัศน์กระทรวงฯ ในการพัฒนาระบบขนส่งอย่างบูรณาการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้เกิดการคมนาคมที่สะดวก ปลอดภัย ตรงเวลา ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งเป็นการทำงาน แบบบูรณาการร่วมกันของทุกหน่วยงานในสังกัด 

โดยมีการขับเคลื่อนนโยบายปี 64 สานต่อปี 65 รวมทั้งนโยบายใหม่ปี 65 เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ดังนี้การคมนาคมขนส่งทางบก แบ่งเป็นการขับเคลื่อนนโยบายปี 64 สานต่อปี 65 จำนวน 9 เรื่อง ประกอบด้วย  1) การกำหนดความเร็วในการขับขี่บนถนนสายหลักขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไป ไม่เกิน 120 กม./ชม. ในปี 64 เปิดเส้นทางนำร่องแล้ว 178 กม. และในปี 65 จะเปิดเพิ่มเติมอีก 138 กม. 2) การพัฒนาระบบ M-Flow ในปี 65 จะเปิดเต็มรูปแบบครบทั้ง 7 ด่าน  3) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) จะดำเนินการ PPP ได้ในปี 65 4) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) จะดำเนินการ PPP ได้ในปี 65 และ 5) การจัดทำแผนแม่บท MR-MAP 6) การพัฒนาทางพิเศษในจังหวัดภูเก็ต  7) โครงการ Land Bridge ชุมพร-ระนอง  8) การแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางด่วน  และ 9) การวางระบบติดตามโครงการขนาดใหญ่ทั้งนี้ในปี  64 ได้ดำเนินการไปแล้ว 5 โครงการ ในปี 65 จะดำเนินการเพิ่มอีก 22 โครงการ 

สำหรับนโยบายใหม่ปี 65 จะพัฒนาระบบคมนาคมทางถนนและต่อเติมโครงข่ายทางพิเศษเชื่อมโยงภูมิภาค การเติมเต็ม Missing Links เชื่อมโยงระหว่างประเทศ การพัฒนาทางหลวงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การสร้างแลนด์มาร์กใหม่ให้กับท้องถิ่น และการติดตามปัญหาอุทกภัย ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้บูรณาการหน่วงยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนเตรียมรับมือและให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที การคมนาคมขนส่งทางราง แบ่งเป็นขับเคลื่อนนโยบายปี 64 สานต่อปี 65 จำนวน 14 เรื่อง ได้แก่  1) การขับเคลื่อนหลักการ Thai First ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน  2) การจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) ขณะนี้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว  3) การจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารสินทรัพย์ของ รฟท. (บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด) 4) การเร่งรัดเปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดงและสถานีกลางบางซื่อ  5) การเร่งพัฒนาระบบตั๋วร่วม  6) การพัฒนารถไฟทางคู่  7) การกำหนดแนวทางการใช้รถไฟฟ้าล้อยางเมืองภูมิภาค  8) การพัฒนารถไฟความเร็วสูง  9) การเร่งรัดร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง


10) การจัดตั้งศูนย์จัดจำหน่ายและกระจายสินค้า OTOP 11) การสร้างสรรค์พื้นที่เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการใช้ประโยชน์จากสถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน COVID-19 ให้แก่ประชาชน  12) การผลักดันการพัฒนารถไฟ EV 13) การพัฒนาระบบติดตามโครงการก่อสร้างรถไฟ  และ 14) การจัดทำแผนรองรับการเปิดประเทศ สำหรับปี 65 กระทรวงฯ ได้เร่งรัดการพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงและทางคู่ (Transit Oriented Development: TOD) การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่งสำหรับทุกคน (Universal Design: UD) รวมทั้งการแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ 

ส่วนการคมนาคมขนส่งทางน้ำ แบ่งเป็นการขับเคลื่อนนโยบายปี 64 สานต่อปี 65 จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ 1) การเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากภาคตะวันออกสู่ภาคใต้ และ 2) การผลักดันเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า

สำหรับเรือโดยสารสาธารณะ โดยในปี 65 จะมีการพัฒนาระบบคมนาคมทางน้ำ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายการขนส่งทางน้ำให้ทันสมัย การศึกษาสำรวจจัดทำฐานข้อมูลพาหนะทางน้ำ การจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเตรียมรับการประเมินจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ การจัดทำแผนความมั่นคงทางทะเล การสร้างเขื่อนแนวป้องกันการกัดเซาะตลิ่ง การจัดทำ Master Plan เพื่อฟื้นฟูชายหาดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้และรูปแบบการลงทุนเพื่อพัฒนาท่าเรือให้เป็นยอร์ชคลับ นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมต่อท่าเรือกับสถานีรถไฟฟ้า การจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็น Automation Port และการพัฒนาบุคลากรด้านพาณิชยนาวีเป็นต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนการคมนาคมขนส่งทางอากาศ จะแบ่งเป็นการขับเคลื่อนนโยบายปี 64 สานต่อปี 65 จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การเร่งรัดพัฒนาท่าอากาศยานเป็นศูนย์กลางรวบรวม กระจายสินค้าเกษตรหรือสินค้าเน่าเสียง่าย 2) การจัดตั้งศูนย์จัดจำหน่ายและกระจายสินค้า OTOP 3) การให้สิทธิการบริหารท่าอากาศยานของ ทย. แก่ทอท. และ 4) เตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล สำหรับปี 2565 ได้เร่งรัดการพัฒนาท่าอากาศยานต่าง ๆ และนำระบบ Automation มาใช้ในการพัฒนาห้วงอากาศ ระบบการเดินอากาศ รวมถึงพัฒนากฎหมายและกฎระเบียบเพื่อรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต การยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการบิน ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนั้น ในส่วนของการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กระทรวงฯ มีนโยบายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างกระทรวงฯ และประชาชน โดยการพัฒนา MOT Your Social 

ซึ่งประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารของกระทรวงผ่านสื่อออนไลน์ของกระทรวง (Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, TikTok, และ Podcast) ได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น และเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ ติดตามการดำเนินงาน ช่วยให้กระทรวงฯ สามารถดูแลประชาชนได้อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1) MOT Channel ผ่านทาง YouTube เพื่อสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของกระทรวงฯ โดยประชาชนสามารถติดตามความเคลื่อนไหว ข่าวสารสำคัญ เข้าถึงทุกการดำเนินงาน ได้อย่างต่อเนื่อง 2) MOT Public Hearing เป็นช่องทางการสื่อสารกับประชาชนผ่านเว็บไซต์กระทรวงฯ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะของประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมในทุกแผนงานโครงการ และนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลและกระทรวงฯ เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงการดำเนินงาน และแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป และ 3) สายด่วน Call Center โทร. 1356 ซึ่งประชาชนสามารถสอบถาม ร้องเรียน และแจ้งเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนกระบวนพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ได้ให้ความสำคัญกับการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมต่อการดำเนินโครงการ แผนงาน การก่อสร้าง ในการพัฒนาระบบคมนาคมทุกโหมดการเดินทาง โดยกระทรวงฯ มีนโยบายการจัดการข้อร้องเรียน การส่งเสริมช่องทางการรับข้อร้องเรียนที่หลากหลาย และการจัดการข้อร้องเรียนอย่างเป็นระบบและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาดำเนินการต่อข้อร้องเรียนด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล และส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการด้วยความสะดวกรวดเร็ว และผู้บริหารทุกระดับต้องมีส่วนร่วม ทั้งนี้ การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนได้กำหนดกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านเวทีการประชุมรับฟังความเห็น การลงพื้นที่และการพูดคุยกับผู้นำชุมชน ประชาชน หรือหน่วยงานของภาครัฐในแต่ละพื้นที่ตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ เพื่อนำข้อเสนอแนะที่ได้ไปพัฒนาโครงการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติสูงสุด

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการข่าวปลอมกระทรวงคมนาคม (MOT Anti-Fake News Center) ซึ่งมีหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร และรวบรวมสรุปประเด็นสำคัญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมและขนส่ง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และสาธารณชนได้รับทราบอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และทันต่อสถานการณ์ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]