นนทบุรี 7 เม.ย.-ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือ นบขพ. ยังไม่ได้ข้อสรุป หลังขาดความเห็นชอบจากผู้มีส่วนได้เสีย โดยมอบปลัดพาณิชย์นัดทุกฝ่ายวันที่ 11 เม.ย.นี้ เพื่อร่วมกันเคาะมาตรการให้ชัดเจน แต่เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวโพด ปี 2565 เงื่อนไขเดียวกับปี 2564 ใช้งบกว่า 224 ล้านบาทเตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบได้เร็วๆ นี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือ นบขพ. ครั้งแรกของปี 2565 ซึ่งมีมีภาครัฐ เอกชน และกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วม ในเบื้องต้น ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันในการเข้าไปดูแลราคาอาหารสัตว์ไม่ให้พุ่งสูงเกินไปจนเป็นภาระกับเกษตรกร ต่อเนื่องไปถึงผู้บริโภค จากราคาอาหารที่จะปรับสูงขึ้นตาม ขณะเดียวกันต้องไม่กระทบกับราคาสินค้าเกษตรในประเทศ โดยเฉพาะผู้ปลูกพืชไร่ทั้งข้าวโพด หรือ มันสำปะหลัง ได้ราคาดีด้วย และที่ปริมาณวัตถุดิบอาหารสัตว์ต้องไม่ขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม การประชุมวันนี้ยังไม่ถือเป็นข้อสรุปทั้งหมด เนื่องจากต้องรอความเห็นให้ครบทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งยังขาดความเห็นจากนายกสมาคมพืชไร่ และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ ก็ส่งเพียงตัวแทน มาเข้าร่วมประชุมแทน
ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้มอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ไปหาข้อสรุปร่วม 3 ฝ่าย อีกครั้งกับทุกสมาคมฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ครบถ้วนในวันที่ 11 เมษายนนี้ ก่อนนำกลับมาเสนอที่ประชุม นบขพ. โดยเร็วที่สุด
สำหรับหนึ่งมาตรการในการดูแลราคาอาหารสัตว์ ซึ่งผ่านการหารือเบื้องต้น จากภาครัฐ-ผู้ประกอบการและเกษตรกรมาแล้ว คือ การชะลอมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลี ต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ อัตราส่วน 1 ต่อ 3 ของกระทรวงพาณิชย์ ไว้ชั่วคราว เพราะช่วงนี้ ยังไม่ถึงฤดูกาลผลิตข้าวโพด จึงไม่กระทบกับเกษตรกร เพราะไม่มีข้าวโพดอยู่ในมือแล้ว เพื่อช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง ผ่อนคลายให้สามารถนำเข้าข้าวสาลีเข้ามาได้ โดยไม่ต้องซื้อข้าวโพดเป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะในช่วงนี้ ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศสูงถึงกิโลกรัมละ 12 บาท ขณะที่ ราคาข้าวสาลี นำเข้า ปรับเพิ่มขึ้นถึง 30%
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวโพด ปี 2565 เงื่อนไขเดียวกับปี 2564 แต่ปรับปริมาณให้สอดคล้องกับปริมาณที่เป็นจริง เป้าหมาย 2 ล้านไร่ กำหนด 2 กลุ่ม คือ เกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.กำหนดเบี้ยประกัน 160 บาทต่อไร่ ซึ่งรัฐบาล จะจ่ายให้ 96 บาทต่อไร่ และธ.ก.ส.จ่ายให้ 64 บาทต่อไร่ ส่วนกลุ่มเกษตรกรที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.แต่สมัครใจประกันภัยข้าวโพด จะแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน ได้แก่ พื้นที่ความเสี่ยงสูง เบี้ยประกันภัย 110 บาทต่อไร่ / ความเสี่ยงปานกลาง 100 บาทต่อไร่ / และความเสี่ยงต่ำ 90 บาทต่อไร่ ในส่วนที่รัฐ ต้องอุดหนุนคิดเป็นงบประมาณ 224 ล้านบาท โดยจะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งในเร็วๆ นี้.-สำนักข่าวไทย