กรุงเทพฯ 16 มี.ค.-ประชาชนหวังผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาขายปลีก ตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ดิ่งลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กบน.ลดเงินอุดหนุนดีเซลเหลือ 5.80 บาทต่อลิตร ด้าน KBank จับมือ OR ออกโปรช่วยลูกค้า KKP Research หั่นคาดการณ์ GDP ปี 65 จาก3.9%เหลือ 3.2%
บมจ.ไทยออยล์ รายงานราคาน้ำมันปรับลดต่อ หลังความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มดีขึ้น ท่ามกลางความกังวลโควิดระบาดในจีนราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อกว่า 6% ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ตลาดกังวลการที่จีนล็อกดาวน์ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าจะกดดันความต้องการใช้น้ำมันให้ปรับลดลงราว 0.5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปิดตลาดวานนี้ (15 มี.ค.) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 6.57 ดอลลาร์ หรือ 6.4% ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ,BRENT ลดลง 6.99 ดอลลาร์ หรือ 6.5% ปิดที่ 99.91 ดอลลาร์/บาร์เรล น้ำมันดิบดูไบ ลดลง10.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ ดีเซลลดลง 11.31 ดอลลาร์ ปิด 111.89 ดอลลาร์/บาร์เรล เบนซินลดลง 9.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิด 119.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ประชุมวานนี้ (15 มี.ค.) เห็นชอบให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับลดอัตราการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลง 1.97 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชย 7.77 บาทต่อลิตร เหลือ 5.80 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (16มี.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นการปรับลดการชดเชยลงต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกได้ปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้มีแนวโน้มการปรับลดอัตราการชดเชยจะเกิดขึ้นอีกได้อีกเร็วๆ นี้ ซึ่งมีโอกาสที่จะลดการชดเชยลงอีกจากราคาสิงคโปร์ที่ลดลง และค่าการตลาดที่อยู่ในอัตราสูง
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 13 มี.ค. มีฐานะติดลบรวม 29,336 ล้านบาท โดยแยกเป็นบัญชีน้ำมันติดลบแล้วอยู่ที่ 1,243 ล้านบาท ส่วนบัญชีแอลพีจีติดลบ 28,093 ล้านบาท
“ราคาน้ำมันสิงคโปร์ลดลงทุก 1 ดอลลาร์ จะเทียบเท่า 20 สตางค์ กลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.5-4 บาทต่อลิตร จึงมีแนวโน้มที่ผู้ค้าน้ำมันจะปรับลดราคาขายปลีกลงได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งประชาชนก็อยากเห็นผู้ค้าน้ำมันลดราคาโดยเร็ว” แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานระบุ
KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ออกรายงาน “เศรษฐกิจไทยเปราะบางแค่ไหนเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น” จึงปรับการคาดการณ์ GDP ปี2565 ในกรณีฐานเหลือ 3.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.9% โดยประเมินว่าความไม่แน่นอนต่อภาพแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมีสูงขึ้นมาก จากผลกระทบของสถานการณ์ยูเครนและรัสเซีย และปรับประมาณการเงินเฟ้อเฉลี่ยจากที่เคยคาดไว้ที่ 2.3% สำหรับทั้งปี เป็น 4.2% จากต้นทุนราคาพลังงานและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น
KKP Research ประเมินว่าราคาน้ำมันจะแตะระดับสูงสุดที่ค่าเฉลี่ย 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 2 และราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผลกระทบคือ 1) เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 2 ของปี เงินเฟ้อคาดว่าจะแตะระดับสูงสุดที่ 5.5% ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง 2) การส่งออกชะลอตัวลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง 3)การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีเลวร้ายมีโอกาสที่มาตรการคว่ำบาตรอาจจะรุนแรงมากขึ้น จนส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยทั้งปีที่ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีความเสี่ยงที่จะเกิดการขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์และเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อของไทยปรับตัวสูงขึ้นเป็น 5.1% ในขณะที่เศรษฐกิจไทยอาจเติบโตได้เพียง 2.7%
นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า โดยแยกเป็นลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารพร้อมพิจารณาให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เช่น ให้วงเงินสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง มาตรการช่วยเหลือพักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย เป็นต้น เริ่มโครงการตั้งแต่ 1 เม.ย.-1 พ.ค. 65
ส่วนลูกค้าทั่วไป ธนาคารจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเติมน้ำมัน เมื่อเติมน้ำมันในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) และจ่ายด้วยบัตร PTT Blue Credit Card จะได้รับเครดิตเงินคืน สูงสุด 100 บาท/คน เริ่ม 15 มี.ค.– 30 เม.ย. หรือเมื่อจ่ายด้วยแอป Blue CONNECT จะได้รับเงินคืนสูงสุด 100 บาท/คน/เดือน เริ่ม 1 เม.ย.–31 พ.ค. 65.-สำนักข่าวไทย