“อาคม” ย้ำเดินหน้าเก็บภาษีคริปโตฯ-ปฏิเสธลดภาษีดีเซล

ทำเนียบฯ 24 ม.ค.-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันยังไม่ลดภาษีน้ำมัน “ดีเซล” พร้อมเดินหน้าเก็บภาษี “คริปโตฯ” และไม่ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตรา 90%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยอมรับว่า เป็นห่วงกรณีราคาน้ำมันแพง กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยรัฐบาลยังยืนยันดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ซึ่งแม้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะติดลบถึงราว 9 พันล้านบาท แต่ยังมีสภาพคล่องและศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลราคาน้ำมันดีเซลได้ เพราะ ครม.ก็ได้เห็นชอบให้กู้เงินมาดูแลแล้ว 2 หมื่นล้านบาท ส่วนข้อเสนอกระทรวงพลังงานให้ช่วยลดภาษีดีเซลนั้น ทางกระทรวงการคลังเห็นว่า ควรจะเป็นแนวทางสุดท้าย ช่วงนี้ขอให้กองทุนน้ำมันฯ ดูแลไปก่อน ก.คลัง ไม่ขออุดหนุนเกินจำเป็น เพราะส่วนหนึ่งต้องหารายได้แก่รัฐบาล เพราะภาษีน้ำมันเป็นภาษีหลักที่สำคัญของประเทศ ในส่วนของก๊าซหุงต้ม ก็ต้องขอความร่วมมือ บมจ.ปตท. เข้ามาร่วมดูแลราคาส่วนหนึ่ง

“การลดภาษีน้ำมันในประวัติศาสตร์นั้น ราคาน้ำมันดิบจะเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จึงจะพิจารณาเรื่องลดภาษี ซึ่งจะต้องเป็นแนวทางสุดท้าย ในขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ ยังมีศักยภาพเพียงพอในการดูแล” รมว.คลัง กล่าว

ส่วนจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือภาษีคริปโตฯ นั้น รมว.คลัง ยืนยันต้องจัดเก็บภาษี กฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว และปี 2564 มีการซื้อขายคริปโตฯ เป็นวงเงินสูงมาก ซึ่งขณะนี้กรมสรรพากรและภาคเอกชน ร่วมกันเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์จัดเก็บ ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้นในสิ้นเดือนมกราคมนี้ โดยจะมีการแนะนำการลงบัญชีจริงจากการซื้อ/ขาย ในแต่ละครั้ง ขณะที่การเก็บภาษีจากการขายหุ้น กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาและรับฟังความคิดเห็น เพราะเกือบทุกประเทศในโลกมีการเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นทั้งนั้น เพียงแต่จะเก็บรูปแบบไหน โดยมีการเก็บแบบภาษีธุรกิจเฉพาะเวลามีการซื้อขายเกิดขึ้น เก็บเป็นภาษีอากรแสตมป์ หรือการเก็บจากส่วนที่เป็นกำไรจากการซื้อขายหุ้น ซึ่งในส่วนของประเทศไทยก็จะดูรูปแบบที่ทำให้การเก็บภาษีขายหุ้นให้ง่ายที่สุด

ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รมว.คลัง กล่าวว่า หลังจากหารือระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เห็นร่วมกันว่าจะไม่ลดหย่อน 90% หรือเสียแค่ 10% ของภาระภาษีที่ต้องเสีย เหมือน 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมารัฐต้องการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 แต่ตอนนี้สถานการณ์ทั้งการระบาดโควิดและเศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นแล้ว จึงให้มีการเก็บภาษีที่ดินฯ เต็มจำนวน เพื่อที่จะไม่กระทบกับรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่้น เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา มีการลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่้งปลูกสร้าง ทำให้รายได้หายไปจำนวนมาก และไม่ได้รับการชดเชยจากสำนักงบประมาณด้วย ยังต้องจัดเก็บภาษี เนื่องจากการลดภาษีร้อยละ 90 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ช่วยลดผลกระทบจากโควิด-19 ยอมรับขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น คลายล็อกหลายด้าน แรงงาน โรงแรม เริ่มเปิดกิจการ มีรายได้บ้างแล้ว

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยอดจัดเก็บภาษี 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.-พ.ย.64) เกินเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาท โดยมั่นใจแนวโน้มการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2565 ยังอยู่ในกรอบ 2.4 ล้านล้านล้านบาท ส่วนแพ็กเกจส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) วันนี้ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่า จะต้องเป็นมาตรการทั้งระบบที่ดูแลศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการรายเดิม รักษาฐานผลิตรถปิกอัพของไทย ส่งเสริมความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการในไทย ไม่ใช่เป็นการนำเข้ามาทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย