กรุงเทพฯ 21 ต.ค.-GC และ GC Group ประกาศเป้าหมายสู่ “Together to Net Zero” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ควบคู่การเติบโตของธุรกิจ โดยจะมีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญ
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และ GC Group ประกาศเป้าหมายสู่ “Together to Net Zero” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ร่วมกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลง 20% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
นาย.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าว GC ตระหนักดีว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดในปัจจุบัน และได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่องจึงวางแผนสำหรับการดำเนินการในการลงทุนสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 และจะลงทุนเพิ่มขึ้นในทศวรรษต่อไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจ ด้วยกรอบการดำเนินงาน 3 เสาหลัก ได้แก่การมุ่งเน้นกลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ (Efficiency-driven) การขับเคลื่อนด้วยการบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ (Portfolio-driven) และการขับเคลื่อนการชดเชยคาร์บอน (Compensation-Driven)
นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ลดลง 50% เพื่อให้คู่ค้าและลูกค้าของเรา เข้ามามีส่วนในความมุ่งมั่นนี้ร่วมกัน ในฐานะพลเมืองโลกเราต้องการส่งต่อโลกใบนี้ ที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป และแน่นอนว่าเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องหันหน้ามาร่วมมือกัน” Together To Net Zero”
“GC ตระหนักดีว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดในปัจจุบัน และได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่มีอยู่ให้เหมาะสมและยังเป้าการเติบโตทางธุรกิต่อเฉลี่ยปีละ 4% ต่อเนื่องใน 5-6 ปีข้างหน้า ส่วนราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้ร GCบริหารจัดการความเสี่ยง.ปีนี้มีกำไรสตอกแน่นอน โดยขณะนี้ต้นทุนปิโตรเคมีส่วนใหญ่มาจากก๊าซฯมากกว่าน้ำมันดิบ ในขณะที่มาร์จินการกลั่นขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี” นาย.คงกระพัน กล่าว
ปัจจุบัน GC มีโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใน 13 ประเทศทั่วโลก เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นครบวงจร และผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพที่มีกำลังการผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก บริษัทฯ ได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นเวลา 2 ปีต่อเนื่อง ในกลุ่มดัชนี Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI
นายชญาน์ จันทวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความยั่งยืนและภาพลักษณ์องค์กร GC ระบุว่า GC คาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุน (ช่วงปี ค.ศ. 2021-2050) เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก อยู่ที่ 5,000 ล้านเหรียญ และลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจอีก 1.7 หมื่นล้านเหรียญ
สำหรับ 3 เสาหลัก (Three-Pillar Low Carbon Transition Framework) ประกอบด้วย
- Efficiency-driven การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ โดยใช้หลัก “5R” และเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และลดการใช้พลังงาน นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ และแสวงหาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำรูปแบบใหม่เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน คาดว่า จะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 20%
- Portfolio-driven การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ GC Group ผ่านนวัตกรรมและการลงทุน โดยการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอไปสู่ธุรกิจและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ อาทิเช่น การลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษมูลค่าสูง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุหมุนเวียน คาดว่า จะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 25%
- Compensation-driven เป็นเสาหลักสุดท้ายของกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยทางแก้ปัญหาที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Solutions) รวมทั้งการจัดหาและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดักจับคาร์บอน ผ่านแนวทางต่าง ๆ ได้แก่ Corporate Venture Capitals การสร้างพันธมิตร และการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ คาดว่า จะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 50%.-สำนักข่าวไทย