“ประยุทธ์-จุรินทร์” ชื่นชมผู้ส่งออก 42 ราย ได้รางวัล PM Export Award

กรุงเทพฯ 3 ก.ย. -นายกรัฐมนตรีมอบ 42 รางวัล PM Export Award 2021 ในรูปแบบ Virtual Event ให้ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2564 ครั้งที่ 30 เพื่อกำลังใจให้ผู้ประกอบการไทย ด้านรองนายกฯ จุรินทร์ ประกาศพร้อมเป็นทัพหน้าหนุนประกอบการส่งออกบุกตลาดโลกหลังโควิดคลี่คลาย ปลื้มยอดส่งออกปี 64 เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง   


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2564 หรือ Prime Minister’s Export Award 2021 ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดขึ้นที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยจัดในรูปแบบ Virtual Event ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการมอบรางวัลบนเวทีเสมือนจริงในยุค new normal ที่ไม่สามารถพบปะร่วมกันได้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้อง คณะกรรมการและแขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน สามารถเข้าร่วมงานได้ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านทางระบบซูมและเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยปีนี้ มีบริษัทที่ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัลใน 7 สาขา รวม 42 รางวัล  34 บริษัท จากผู้สมัครทั้งหมด 216 ราย 

หลังเสร็จสิ้นพิธีมอบรางวัล นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล ว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในภาคการผลิต การบริการ และการส่งออกให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง งานมอบรางวัล Prime Minister’s Export Award ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดที่ผู้ประกอบการส่งออกได้รับการรับรองจากรัฐบาล จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจพัฒนาของผู้ประกอบธุรกิจส่งออก รวมทั้งทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันการค้าระหว่างประเทศแบบเชิงรุก และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาธุรกิจตนเองให้ดียิ่งขึ้น 


ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 30 ปี ของรางวัล PM Award รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของไทยได้มีการพัฒนาสินค้าและบริการในทุกสาขา ตั้งแต่ปี 2535 รวมทั้งสิ้น 638 บริษัท 745 รางวัล ซึ่งล้วนเป็นตัวแทนของความภาคภูมิใจของคนไทยในการผลิตสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ และในปีนี้ได้มอบนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการให้ครอบคลุมในทุกระดับตั้งแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ จนไปถึง SMEs และ Micro SMEs และกระจายไปยังภูมิภาคในทุกภาคส่วนของประเทศ จึงทำให้มีผู้ได้รับรางวัล ทั้ง 7 สาขา รวม 42 รางวัล 34 บริษัท จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ตามนโยบายด้านการเร่งรัดการส่งออกในมิติของการเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ จึงได้เพิ่มรางวัลผู้ประกอบการหน้าใหม่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกที่มีศักยภาพต่อไป  

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ปีนี้การส่งออก ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทำหน้าที่ได้ดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนให้ภาคการส่งออกของไทยกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งคือ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักสำคัญของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ ยุโรป และจีน อีกทั้งภาคการผลิตทั่วโลกยังคงขยายตัวดี โดยเฉพาะการผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค สินค้าวัตถุดิบและสินค้าเพื่อการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลงก็กลายเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนภาคการส่งออกของไทย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าส่งออกของไทย และจากความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ล่าสุด ตัวเลขการส่งออกในเดือน ก.ค.2564 พบว่า ขยายตัวสูงถึง 20.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมการส่งออกในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.2564) การส่งออกขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่ารวมที่ 1.54 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 16.20%   

ด้านผู้ประกอบการที่รับรางวัลกล่าวถึงวิธีการรับมอบรางวัลในรูปแบบ Virtual Event ปีนี้ว่า ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลจากท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรงจากข้อจำกัดด้านมาตรการป้องกันโควิด-19 แต่ก็นับเป็นเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจ พร้อมที่จะรักษามาตรฐานคุณภาพ รวมทั้งเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการ อันจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับรางวัล Prime Minister’s Export Award 2021 ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 30 มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 216 ราย ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัลใน 7 สาขา รวม 42 รางวัล ได้แก่ Best Exporter 9 รางวัล Best Thaibrand 9 รางวัล Best Innovation 3 รางวัล และ Aspiring Innovation 5 รางวัล Best Design 7 รางวัล Best Services Enterprise Award รวม 4 รางวัล ได้แก่ สาขาโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง คลินิกเฉพาะทาง 1 รางวัล สาขาดิจิตอลคอนท์และซอฟแวร์  1 รางวัล สาขาสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ 1 รางวัล สาขาโลจิสติกส์การค้า 1 รางวัล Best OTOP 2 รางวัล และ Best Halal 3 รางวัล 


ทั้งนี้ รางวัลผู้ประกอบการนวัตกรรมดาวเด่น Aspiring Innovation ถือเป็นรางวัลพิเศษในปีนี้ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีนวัตกรรมโดดเด่น และมีศักยภาพในการส่งออก 5 รางวัล โดยเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้ประกอบการที่เห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนว BCG ซึ่งรัฐบาลได้หยิบยกขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ  

จากข้อมูลการส่งออกของผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลทั้ง 42 รายนี้  มีส่วนในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ในปี 2563 ประมาณ 19,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.87 หรือ 1,788 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2562 ที่มีรายได้ประมาณ 18,122 ล้านบาท และในปี 2564 (ม.ค. – ก.ค. 64) ได้สร้างรายได้ให้แก่ประเทศแล้วประมาณ 11,377 ล้านบาท และมีส่วนสร้างการจ้างงาน ไม่ต่ำกว่า 14,639 คน ซึ่งบทสรุปความสำเร็จของรางวัล Prime Minister’s Export Award นี้ นับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจส่งออก ให้สามารถก้าวเดินได้อย่างต่อเนื่อง และก้าวเข้าสู่โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ยุค New Normal ได้อย่างมั่นคง . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]