กรุงเทพฯ 4 ส.ค. – กรมประมงสนับสนุนให้เกษตรกรเพาะเลี้ยง “ปลาตะเพียนขาวนีโอเมล” ซึ่งเป้นผลงานเพาะพันธุ์ของกรมประมง สามารถเพิ่มเปอร์เซ็นต์ลูกปลาเพศเมีย ใช้เวลาเลี้ยงสั้น และให้ผลผลิตสูง
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมงเปิดเผยถึงว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำบุรีรัมย์สามารถผลิตปลาตะเพียนขาวพ่อพันธุ์นีโอเมล (พันธุ์หลัก) ปลาตะเพียนขาวพ่อพันธุ์นีโอเมล (พันธุ์ขยาย) และลูกปลาตะเพียนขาวเพศเมียเพื่อสนับสนุนให้แก่เกษตรกรนำไปเพาะขยายพันธุ์แล้ว ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของกรมประมงที่ปรับปรุงพันธุ์ปลาตะเพียนขาวสายพันธุ์แม่น้ำโขง (Silver 2K)
ทั้งนี้ขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ เริ่มต้นจากการนำพ่อแม่พันธุ์ปลาตะเพียนขาวสายพันธุ์แม่น้ำโขง (Silver 2K) มาทำลายสารพันธุกรรมในน้ำเชื้อแล้วเหนี่ยวนำด้วยขบวนการไจโนจีนีซีสให้มีโครโมโซมเป็น 2 ชุด (2n) ได้ผลผลิตเป็นปลาตะเพียนขาวไจโนจีนีซีสเพศเมีย (XX-Female) หลังจากนั้น แปลงเพศโดยการให้กินอาหารผสมฮอร์โมนจะได้ปลาตะเพียนขาวนีโอเมลเพศผู้ (Neomale, XX-male) สำหรับใช้เป็นพ่อพันธุ์
ทั้งนี้ ในพ.ศ. 2562 ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำบุรีรัมย์แจกจ่ายปลาตะเพียนขาวพ่อพันธุ์นีโอเมล (พันธุ์ขยาย) 1,030 ตัวให้เกษตรกร 8 รายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันมีเกษตรกรผลิตลูกปลาตะเพียนขาวเพศเมีย 5 ราย สามารถผลิตลูกปลาตะเพียนขาวได้ปีละไม่ต่ำกว่า 2.1 ล้านตัว จากการติดตามผลการเลี้ยงปลาตะเพียนขาวนีโอเมลพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
สำหรับลักษณะการเลี้ยงเป็นการเลี้ยงเชิงเดี่ยวทั้งในบ่อดินและในนาข้าว อัตราความหนาแน่นเฉลี่ย 1,960 ตัวต่อไร่ อาหารที่ใช้เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูปร่วมกับอาหารธรรมชาติ ระยะเวลาเลี้ยง 5 – 7 เดือน ผลผลิตที่ได้มีขนาด 200 – 250 กรัมต่อตัว เมื่อเปรียบเทียบกับปลาตะเพียนขาวพบว่า ปลาตะเพียนขาวนีโอเมลใช้ระยะเวลาเลี้ยงสั้นกว่าประมาณ 1 เดือน ให้ผลผลิตที่สูงกว่าร้อยละ 15 – 20 โดยสามารถผลิตได้ลูกปลาตะเพียนขาวเพศเมียทั้งหมด ซึ่งปลาตะเพียนขาวเพศเมียมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าและมีขนาดใหญ่กว่าปลาเพศผู้
จากการประเมินผลความพึงพอใจของเกษตรกร พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่มีความพึงพอใจระดับมากที่สุดในประเด็นคุณภาพของปลา อัตราการรอดตาย อัตราการเจริญเติบโต เปอร์เซ็นต์เพศ ราคาพันธุ์ปลา ระยะเวลาการเลี้ยง และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร ทำให้ประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประชาชนประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ด้านนางวิระวรรณ ระยัน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำบุรีรัมย์ กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำกล่าวว่า ปลาตะเพียนเป็นปลาที่เกษตรกรนิยมเลี้ยงมากเนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว ให้ลูกดก สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้เกือบตลอดปี ผู้บริโภคนิยมนำมาแปรรูปเป็นปลาส้ม โดยเป็นปลาส้มที่มีรสชาติดีที่สุด
ทั้งนี้ หากเกษตรกรท่านใดมีความสนใจ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำบุรีรัมย์ หรือกองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง โทรศัพท์หมายเลข 0 4463 4861 ได้ในวันและเวลาราชการ. – สำนักข่าวไทย