คมนาคมลั่น!! เคลียร์ไม้กั้นทางด่วน-มอเตอร์เวย์หมดปี 64

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – คมนาคมลุย!! เคลียร์ไม้กั้นทางด่วน-มอเตอร์เวย์ นำร่องต้นปี 64 ยกตู้ด่านเก็บเงินออกจากด่านมอเตอร์เวย์ทับช้าง แง้มเชื่อมข้อมูลงานทะเบียนกรมการขนส่งทางบก ประสานตำรวจกำหนดโทษพวกเบี้ยวค่าทางด่วน-ต้องจ่ายก่อนต่อทะเบียน


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับข้อมูลทะเบียนยานพาหนะระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อศึกษาและพัฒนาระบบเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System) ระหว่างกรมทางหลวง กทพ. กรมการขนส่งทางบก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)  

นายศักดิ์สยาม ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวจะเห็นผลเป็นรูปธรรมปี 2564  ระบบเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นจะนำร่องมาใช้ที่ด่านมอเตอร์เวย์ทับช้างจะมีการยกตู้เก็บค่าผ่านทางออกทั้งหมด เพื่อนำระบบ M-Flow มาใช้เต็มรูปแบบ และภายในปี 2564 จะนำมาใช้กับด่านมอเตอร์เวย์อื่น ๆ ส่วนระบบทางด่วนของ กทพ.จะนำร่องมาใช้กับระบบทางด่วนสายฉลองรัชก่อนที่จะขยายไปทางด่วนสายอื่น  โดยกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าระบบดังกล่าวจะพยายามให้ครอบคลุมระบบทางด่วนทั้งหมดภายในปี 2564


ส่วนการเชื่อมระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลฐานการจดทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบกเข้ามาช่วยกำกับนั้น  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุว่า เริ่มต้นทั้งกรมทางหลวง และ กทพ. จะมีการว่าจ้างบริษัทกลางติดตามการจัดเก็บค่าผ่านทาง หลังจากระบบ M-Flow สมบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าแม้จะมีระบบไม้กั้น แต่การจัดเก็บค่าผ่านทางยังมีส่วนหนึ่งที่ผู้ใช้ทางบางรายไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทาง เช่น ทางด่วนของ กทพ.แต่ละวันจะมีผู้ที่ไม่ยอมชำระค่าผ่านทางเฉลี่ยประมาณ 2% ของผู้ใช้ระบบทางด่วนทั้งหมด ซึ่งบริษัทกลางมีลักษณะเหมือนเคลียริ่งเฮาส์จะติดตามเร่งรัดจัดเก็บ มีการออกใบแจ้งเตือนเพื่อให้ผู้ใช้ทางชำระ เหมือนระบบจัดเก็บค่าบริการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งในอนาคตหากมีการใช้ระบบ M-Flow หรือไม่มีไม้กั้นแล้ว การที่ผู้ใช้ทางไม่ยอมไปชำระค่าผ่านทาง จะมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อกำหนดให้การไม่ยอมชำระค่าผ่านทางด่วนนั้นเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายจราจร โดยสามารถเชื่อมโยงระบบร่วมกันระหว่างตำรวจและกรมการขนส่งทางบก  เมื่อมีผู้ผ่านทางรายดังกล่าวมาต่อทะเบียนก็จะทราบข้อมูลและต้องชำระค่าผ่านทางก่อนจึงจะสามารถต่อทะเบียนได้

“ทั้งหมดเป็นการวางระบบให้มีความสมบูรณ์  แต่เชื่อว่าผู้ใช้ทางด่วนทุกคนที่ใช้ทางพิเศษส่วนใหญ่พร้อมจะชำระค่าผ่านทาง ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าระบบดังกล่าวมีข้อดี เพราะจะช่วยตรวจสอบยานพาหนะที่เข้ามาในระบบว่ารถคันใดมีประวัติไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมายเข้ามาใช้บริการ” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า การยกเลิกไม้กั้นทางด่วนอาจจะมีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะความจำเป็นต้องใช้พนักงานเก็บค่าผ่านทางจะหมดไป จึงให้นโยบายกรมทางหลวง กทพ.  และบริษัทเอกชนที่เข้ามาสัมปทานระบบทางด่วนให้ช่วยพิจารณาหาทางเยียวยาและไม่ต้องการให้มีการรีไทร์พนักงาน แต่ขอให้พิจารณาให้ไปทำงานในตำแหน่งอื่นแทน 


​นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า กทพ.มีแผนจะนำระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติที่เชื่อมต่อข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบกมาใช้ร่วมกับระบบชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และบูรณาการทำงานในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System)   

​“เบื้องต้น กทพ.จะนำร่องใช้งานระบบ M-Flow ในโครงการทางพิเศษฉลองรัชและด่านฯ ที่เป็นจุดรองรับการจราจรที่ทิศทางขาเข้าเมืองมีปริมาณจราจรหนาแน่น อาทิ ด่านฯ บางนา กม.6   ขาเข้า ด่านฯ ดาวคะนอง รวมถึงนำไปใช้กับทางพิเศษที่ กทพ. กำลังดำเนินการก่อสร้าง คือ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 –ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก และโครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี การร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงที่จะเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนรถระหว่าง กทพ. กับกรมการขนส่งทางบกจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทาง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ เพื่อสามารถติดตามเรียกเก็บค่าผ่านทางและดำเนินการตามกฎหมายได้” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การนำระบบดังกล่าวมาใช้จะทำให้ได้รับเงินจากการจัดเก็บผ่านทางเต็ม 100%ตามที่มีรถผ่านทางจริง เนื่องจากปัจจุบันสูญรายได้จากที่มีคนผ่านด่านไม่จ่ายค่าผ่านทางกว่า 2% จากจำนวนรถที่ผ่านทางด่วนกว่า 2 คันต่อวัน หรือสูญรายได้กว่า  400,000 บาทต่อวัน ซึ่งในส่วนของ กทพ. พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมอย่างเต็มที่ เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดหน้าด่าน

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า กรมฯ มีความที่จะยกเลิกไม้กั้นที่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 บริเวณด่านทับช้าง ก่อนภายในสิ้นปี 2563  ซึ่งด่านทับช้างจะมีปริมาณรถผ่านด่านนี้ประมาณ 400,000 คันต่อวัน  แต่ในภาพรวมด่านค่าผ่านทางของมอเตอร์เวย์จะมีปริมาณรถที่ผ่านทางทั้งระบบกว่า 800,000-1 ล้านคันต่อวัน และปัจจุบันพบว่ามีผู้ใช้ทางไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ ทำให้สูญเสียรายได้ในส่วนนี้ 2% จากยอดใช้งาน เมื่อมีระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติจะทำให้ได้เงินส่วนนี้เต็มจำนวน โดยล่าสุดทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเพิ่มข้อหากรณีผู้ใช้ทางไม่ชำระค่าผ่านทางต้องมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งจะถูกระบุใน พ.ร.บ.จราจร

ส่วนความคืบหน้าการหาเอกชนเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์และติดตั้งระบบ พร้อมติดตามหนี้ผู้ที่ไม่จ่ายค่าผ่านทางนั้น ขณะนี้เตรียมข้อมูลและเตรียมเปิดประมูลให้เอกชนมาดำเนินที่มอเตอร์เวย์สาย 6 ด่านทับช้างก่อน คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนจะได้เอกชนเข้ามาติดตั้งระบบและโครงสร้างพื้นฐานของระบบ และภายในเดือนตุลาคมเอกชนจะเข้ามาติดตั้งระบบติดตามหนี้ ระบบตรวจจับรถที่จะต้องประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกและติดตั้งระบบเรียกเก็บเงิน ส่วนมอเตอร์เวย์ สาย 7 จะติดตั้งระบบและยกเลิกระบบไม้กั้นทั้งหมดปี 2564.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]