คมนาคมลั่น!! เคลียร์ไม้กั้นทางด่วน-มอเตอร์เวย์หมดปี 64

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – คมนาคมลุย!! เคลียร์ไม้กั้นทางด่วน-มอเตอร์เวย์ นำร่องต้นปี 64 ยกตู้ด่านเก็บเงินออกจากด่านมอเตอร์เวย์ทับช้าง แง้มเชื่อมข้อมูลงานทะเบียนกรมการขนส่งทางบก ประสานตำรวจกำหนดโทษพวกเบี้ยวค่าทางด่วน-ต้องจ่ายก่อนต่อทะเบียน


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับข้อมูลทะเบียนยานพาหนะระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อศึกษาและพัฒนาระบบเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System) ระหว่างกรมทางหลวง กทพ. กรมการขนส่งทางบก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)  

นายศักดิ์สยาม ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวจะเห็นผลเป็นรูปธรรมปี 2564  ระบบเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นจะนำร่องมาใช้ที่ด่านมอเตอร์เวย์ทับช้างจะมีการยกตู้เก็บค่าผ่านทางออกทั้งหมด เพื่อนำระบบ M-Flow มาใช้เต็มรูปแบบ และภายในปี 2564 จะนำมาใช้กับด่านมอเตอร์เวย์อื่น ๆ ส่วนระบบทางด่วนของ กทพ.จะนำร่องมาใช้กับระบบทางด่วนสายฉลองรัชก่อนที่จะขยายไปทางด่วนสายอื่น  โดยกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าระบบดังกล่าวจะพยายามให้ครอบคลุมระบบทางด่วนทั้งหมดภายในปี 2564


ส่วนการเชื่อมระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลฐานการจดทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบกเข้ามาช่วยกำกับนั้น  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุว่า เริ่มต้นทั้งกรมทางหลวง และ กทพ. จะมีการว่าจ้างบริษัทกลางติดตามการจัดเก็บค่าผ่านทาง หลังจากระบบ M-Flow สมบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าแม้จะมีระบบไม้กั้น แต่การจัดเก็บค่าผ่านทางยังมีส่วนหนึ่งที่ผู้ใช้ทางบางรายไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทาง เช่น ทางด่วนของ กทพ.แต่ละวันจะมีผู้ที่ไม่ยอมชำระค่าผ่านทางเฉลี่ยประมาณ 2% ของผู้ใช้ระบบทางด่วนทั้งหมด ซึ่งบริษัทกลางมีลักษณะเหมือนเคลียริ่งเฮาส์จะติดตามเร่งรัดจัดเก็บ มีการออกใบแจ้งเตือนเพื่อให้ผู้ใช้ทางชำระ เหมือนระบบจัดเก็บค่าบริการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งในอนาคตหากมีการใช้ระบบ M-Flow หรือไม่มีไม้กั้นแล้ว การที่ผู้ใช้ทางไม่ยอมไปชำระค่าผ่านทาง จะมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อกำหนดให้การไม่ยอมชำระค่าผ่านทางด่วนนั้นเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายจราจร โดยสามารถเชื่อมโยงระบบร่วมกันระหว่างตำรวจและกรมการขนส่งทางบก  เมื่อมีผู้ผ่านทางรายดังกล่าวมาต่อทะเบียนก็จะทราบข้อมูลและต้องชำระค่าผ่านทางก่อนจึงจะสามารถต่อทะเบียนได้

“ทั้งหมดเป็นการวางระบบให้มีความสมบูรณ์  แต่เชื่อว่าผู้ใช้ทางด่วนทุกคนที่ใช้ทางพิเศษส่วนใหญ่พร้อมจะชำระค่าผ่านทาง ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าระบบดังกล่าวมีข้อดี เพราะจะช่วยตรวจสอบยานพาหนะที่เข้ามาในระบบว่ารถคันใดมีประวัติไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมายเข้ามาใช้บริการ” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า การยกเลิกไม้กั้นทางด่วนอาจจะมีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะความจำเป็นต้องใช้พนักงานเก็บค่าผ่านทางจะหมดไป จึงให้นโยบายกรมทางหลวง กทพ.  และบริษัทเอกชนที่เข้ามาสัมปทานระบบทางด่วนให้ช่วยพิจารณาหาทางเยียวยาและไม่ต้องการให้มีการรีไทร์พนักงาน แต่ขอให้พิจารณาให้ไปทำงานในตำแหน่งอื่นแทน 


​นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า กทพ.มีแผนจะนำระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติที่เชื่อมต่อข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบกมาใช้ร่วมกับระบบชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และบูรณาการทำงานในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System)   

​“เบื้องต้น กทพ.จะนำร่องใช้งานระบบ M-Flow ในโครงการทางพิเศษฉลองรัชและด่านฯ ที่เป็นจุดรองรับการจราจรที่ทิศทางขาเข้าเมืองมีปริมาณจราจรหนาแน่น อาทิ ด่านฯ บางนา กม.6   ขาเข้า ด่านฯ ดาวคะนอง รวมถึงนำไปใช้กับทางพิเศษที่ กทพ. กำลังดำเนินการก่อสร้าง คือ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 –ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก และโครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี การร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงที่จะเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนรถระหว่าง กทพ. กับกรมการขนส่งทางบกจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทาง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ เพื่อสามารถติดตามเรียกเก็บค่าผ่านทางและดำเนินการตามกฎหมายได้” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การนำระบบดังกล่าวมาใช้จะทำให้ได้รับเงินจากการจัดเก็บผ่านทางเต็ม 100%ตามที่มีรถผ่านทางจริง เนื่องจากปัจจุบันสูญรายได้จากที่มีคนผ่านด่านไม่จ่ายค่าผ่านทางกว่า 2% จากจำนวนรถที่ผ่านทางด่วนกว่า 2 คันต่อวัน หรือสูญรายได้กว่า  400,000 บาทต่อวัน ซึ่งในส่วนของ กทพ. พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมอย่างเต็มที่ เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดหน้าด่าน

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า กรมฯ มีความที่จะยกเลิกไม้กั้นที่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 บริเวณด่านทับช้าง ก่อนภายในสิ้นปี 2563  ซึ่งด่านทับช้างจะมีปริมาณรถผ่านด่านนี้ประมาณ 400,000 คันต่อวัน  แต่ในภาพรวมด่านค่าผ่านทางของมอเตอร์เวย์จะมีปริมาณรถที่ผ่านทางทั้งระบบกว่า 800,000-1 ล้านคันต่อวัน และปัจจุบันพบว่ามีผู้ใช้ทางไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ ทำให้สูญเสียรายได้ในส่วนนี้ 2% จากยอดใช้งาน เมื่อมีระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติจะทำให้ได้เงินส่วนนี้เต็มจำนวน โดยล่าสุดทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเพิ่มข้อหากรณีผู้ใช้ทางไม่ชำระค่าผ่านทางต้องมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งจะถูกระบุใน พ.ร.บ.จราจร

ส่วนความคืบหน้าการหาเอกชนเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์และติดตั้งระบบ พร้อมติดตามหนี้ผู้ที่ไม่จ่ายค่าผ่านทางนั้น ขณะนี้เตรียมข้อมูลและเตรียมเปิดประมูลให้เอกชนมาดำเนินที่มอเตอร์เวย์สาย 6 ด่านทับช้างก่อน คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนจะได้เอกชนเข้ามาติดตั้งระบบและโครงสร้างพื้นฐานของระบบ และภายในเดือนตุลาคมเอกชนจะเข้ามาติดตั้งระบบติดตามหนี้ ระบบตรวจจับรถที่จะต้องประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกและติดตั้งระบบเรียกเก็บเงิน ส่วนมอเตอร์เวย์ สาย 7 จะติดตั้งระบบและยกเลิกระบบไม้กั้นทั้งหมดปี 2564.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]