กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – คมนาคมลุย!! เคลียร์ไม้กั้นทางด่วน-มอเตอร์เวย์ นำร่องต้นปี 64 ยกตู้ด่านเก็บเงินออกจากด่านมอเตอร์เวย์ทับช้าง แง้มเชื่อมข้อมูลงานทะเบียนกรมการขนส่งทางบก ประสานตำรวจกำหนดโทษพวกเบี้ยวค่าทางด่วน-ต้องจ่ายก่อนต่อทะเบียน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับข้อมูลทะเบียนยานพาหนะระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อศึกษาและพัฒนาระบบเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System) ระหว่างกรมทางหลวง กทพ. กรมการขนส่งทางบก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
นายศักดิ์สยาม ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวจะเห็นผลเป็นรูปธรรมปี 2564 ระบบเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นจะนำร่องมาใช้ที่ด่านมอเตอร์เวย์ทับช้างจะมีการยกตู้เก็บค่าผ่านทางออกทั้งหมด เพื่อนำระบบ M-Flow มาใช้เต็มรูปแบบ และภายในปี 2564 จะนำมาใช้กับด่านมอเตอร์เวย์อื่น ๆ ส่วนระบบทางด่วนของ กทพ.จะนำร่องมาใช้กับระบบทางด่วนสายฉลองรัชก่อนที่จะขยายไปทางด่วนสายอื่น โดยกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าระบบดังกล่าวจะพยายามให้ครอบคลุมระบบทางด่วนทั้งหมดภายในปี 2564
ส่วนการเชื่อมระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลฐานการจดทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบกเข้ามาช่วยกำกับนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุว่า เริ่มต้นทั้งกรมทางหลวง และ กทพ. จะมีการว่าจ้างบริษัทกลางติดตามการจัดเก็บค่าผ่านทาง หลังจากระบบ M-Flow สมบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าแม้จะมีระบบไม้กั้น แต่การจัดเก็บค่าผ่านทางยังมีส่วนหนึ่งที่ผู้ใช้ทางบางรายไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทาง เช่น ทางด่วนของ กทพ.แต่ละวันจะมีผู้ที่ไม่ยอมชำระค่าผ่านทางเฉลี่ยประมาณ 2% ของผู้ใช้ระบบทางด่วนทั้งหมด ซึ่งบริษัทกลางมีลักษณะเหมือนเคลียริ่งเฮาส์จะติดตามเร่งรัดจัดเก็บ มีการออกใบแจ้งเตือนเพื่อให้ผู้ใช้ทางชำระ เหมือนระบบจัดเก็บค่าบริการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งในอนาคตหากมีการใช้ระบบ M-Flow หรือไม่มีไม้กั้นแล้ว การที่ผู้ใช้ทางไม่ยอมไปชำระค่าผ่านทาง จะมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อกำหนดให้การไม่ยอมชำระค่าผ่านทางด่วนนั้นเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายจราจร โดยสามารถเชื่อมโยงระบบร่วมกันระหว่างตำรวจและกรมการขนส่งทางบก เมื่อมีผู้ผ่านทางรายดังกล่าวมาต่อทะเบียนก็จะทราบข้อมูลและต้องชำระค่าผ่านทางก่อนจึงจะสามารถต่อทะเบียนได้
“ทั้งหมดเป็นการวางระบบให้มีความสมบูรณ์ แต่เชื่อว่าผู้ใช้ทางด่วนทุกคนที่ใช้ทางพิเศษส่วนใหญ่พร้อมจะชำระค่าผ่านทาง ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าระบบดังกล่าวมีข้อดี เพราะจะช่วยตรวจสอบยานพาหนะที่เข้ามาในระบบว่ารถคันใดมีประวัติไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมายเข้ามาใช้บริการ” นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า การยกเลิกไม้กั้นทางด่วนอาจจะมีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะความจำเป็นต้องใช้พนักงานเก็บค่าผ่านทางจะหมดไป จึงให้นโยบายกรมทางหลวง กทพ. และบริษัทเอกชนที่เข้ามาสัมปทานระบบทางด่วนให้ช่วยพิจารณาหาทางเยียวยาและไม่ต้องการให้มีการรีไทร์พนักงาน แต่ขอให้พิจารณาให้ไปทำงานในตำแหน่งอื่นแทน
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า กทพ.มีแผนจะนำระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติที่เชื่อมต่อข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบกมาใช้ร่วมกับระบบชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และบูรณาการทำงานในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System)
“เบื้องต้น กทพ.จะนำร่องใช้งานระบบ M-Flow ในโครงการทางพิเศษฉลองรัชและด่านฯ ที่เป็นจุดรองรับการจราจรที่ทิศทางขาเข้าเมืองมีปริมาณจราจรหนาแน่น อาทิ ด่านฯ บางนา กม.6 ขาเข้า ด่านฯ ดาวคะนอง รวมถึงนำไปใช้กับทางพิเศษที่ กทพ. กำลังดำเนินการก่อสร้าง คือ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 –ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก และโครงการทางพิเศษฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี การร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงที่จะเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนรถระหว่าง กทพ. กับกรมการขนส่งทางบกจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทาง ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ เพื่อสามารถติดตามเรียกเก็บค่าผ่านทางและดำเนินการตามกฎหมายได้” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การนำระบบดังกล่าวมาใช้จะทำให้ได้รับเงินจากการจัดเก็บผ่านทางเต็ม 100%ตามที่มีรถผ่านทางจริง เนื่องจากปัจจุบันสูญรายได้จากที่มีคนผ่านด่านไม่จ่ายค่าผ่านทางกว่า 2% จากจำนวนรถที่ผ่านทางด่วนกว่า 2 คันต่อวัน หรือสูญรายได้กว่า 400,000 บาทต่อวัน ซึ่งในส่วนของ กทพ. พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมอย่างเต็มที่ เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดหน้าด่าน
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า กรมฯ มีความที่จะยกเลิกไม้กั้นที่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 9 บริเวณด่านทับช้าง ก่อนภายในสิ้นปี 2563 ซึ่งด่านทับช้างจะมีปริมาณรถผ่านด่านนี้ประมาณ 400,000 คันต่อวัน แต่ในภาพรวมด่านค่าผ่านทางของมอเตอร์เวย์จะมีปริมาณรถที่ผ่านทางทั้งระบบกว่า 800,000-1 ล้านคันต่อวัน และปัจจุบันพบว่ามีผู้ใช้ทางไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ ทำให้สูญเสียรายได้ในส่วนนี้ 2% จากยอดใช้งาน เมื่อมีระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติจะทำให้ได้เงินส่วนนี้เต็มจำนวน โดยล่าสุดทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเพิ่มข้อหากรณีผู้ใช้ทางไม่ชำระค่าผ่านทางต้องมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งจะถูกระบุใน พ.ร.บ.จราจร
ส่วนความคืบหน้าการหาเอกชนเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์และติดตั้งระบบ พร้อมติดตามหนี้ผู้ที่ไม่จ่ายค่าผ่านทางนั้น ขณะนี้เตรียมข้อมูลและเตรียมเปิดประมูลให้เอกชนมาดำเนินที่มอเตอร์เวย์สาย 6 ด่านทับช้างก่อน คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนจะได้เอกชนเข้ามาติดตั้งระบบและโครงสร้างพื้นฐานของระบบ และภายในเดือนตุลาคมเอกชนจะเข้ามาติดตั้งระบบติดตามหนี้ ระบบตรวจจับรถที่จะต้องประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกและติดตั้งระบบเรียกเก็บเงิน ส่วนมอเตอร์เวย์ สาย 7 จะติดตั้งระบบและยกเลิกระบบไม้กั้นทั้งหมดปี 2564.-สำนักข่าวไทย