กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – ฟรุตบอร์ดเร่งเสนอ ครม.พิจารณาเงินช่วยเหลือชาวสวนลำไย ไร่ละ 2,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ รวมเนื้อที่ปลูก 8.7 แสนไร่ เป็นเวลา 5 เดือน กรอบวงเงินกว่า 3,400 ล้านบาท โดยจ่ายผ่าน ธ.ก.ส.
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุตบอร์ด) กล่าวว่า ฟรุตบอร์ดมีมติเห็นชอบโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาลำไยตกต่ำจากหลายปัจจัย ได้แก่ พื้นที่ปลูกลำไยในประเทศมากขึ้นจากเดิม 2 ล้านไร่เป็น 10 ล้านไร่ โดยลำไยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ผลผลิตในช่วงใกล้เคียงกัน แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถส่งออกลำไยไปยังตลาดรับซื้อใหญ่ที่สุดคือ จีนได้ตามปกติ การขาดแคลนแรงงานต่างด้าวที่เป็นแรงงานฝีมือเฉพาะในการเก็บเกี่ยว คัดแยก บรรจุหีบห่อ ทำให้เกษตรกรต้องจ้างแรงงานในประเทศมาทดแทน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ขณะนี้ลำไยเริ่มสุกแก่เต็มที่ ทำให้ต้องเร่งระบายผลผลิต แต่ยังมีอุปสรรคด้านการขนส่งที่ใช้เวลานาน เพราะด่านการค้าชายแดนเพิ่งเริ่มผ่อนคลาย ส่วนผู้ประกอบการชาวจีนยังไม่สามารถเดินทางมารับซื้อลำไยเพื่อนำเข้าโรงงานอบแห้งส่งกลับจีนได้โดยสะดวก
สำหรับเป้าหมายต้องการช่วยเหลือชาวสวนลำไยทุกครัวเรือน โดยเป็นผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรปี 2562/2563 ซึ่งจะได้รับเงินไร่ละ 2,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ และเป็นพื้นที่ปลูกลำไยที่ให้ผลผลิตแล้วหรืออายุต้น 5 ปีขึ้นไป ระยะเวลาจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม รวม 5 เดือน ซึ่งจะเสนอ ครม.เห็นชอบโดยเร็ว นอกจากนี้ ฟรุตบอร์ดยังมีมติช่วยเหลือชาวสวนลำไยด้านอื่น ๆ ให้สามารถฟื้นฟูการผลิตลำไยที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านการผลิตและการตลาด รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีแนวทางปฏิบัติต่อสวนลำไยเพื่อประกอบอาชีพชาวสวนลำไยได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
ด้านนายทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จำนวนเกษตรกรชาวสวนลำไยปี 2562/2563 ข้อมูลวันที่ 30 เมษายน 2563 พบว่า มีครัวเรือนเกษตรกรชาวสวนลำไยทั้งประเทศ 128,099 ครัวเรือน เนื้อที่ปลูก 871,716 ไร่ ทั้งนี้ มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรประมาณร้อยละ 80 ยังเหลืออีกร้อยละ 20 ซึ่งจะเร่งสำรวจข้อมูลให้เป็นปัจจุบันพร้อมทั้งดำเนินการสรุปและส่งข้อมูลให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานใหญ่ เพื่อดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกร ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตร ธ.ก.ส. กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทยจะร่วมกันประชาสัมพันธ์โครงการให้เกษตรกรทราบ ขอย้ำว่าผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือต้องเป็นเกษตรกรชาวสวนลำไยกับกรมส่งเสริมการเกษตรภายในวันที่ 15 กันยายน 2563 คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นเป็นเงิน 3,440,049,726 บาท
สำหรับสถานการณ์การผลิต (ข้อมูลวันที่ 9 มิ.ย. – 11 ส.ค. 2563) ประมาณการผลผลิตลำไยในฤดูทั้งหมด 386,065 ตัน แบ่งเป็น ลำไยสดช่อ 99,890 ตัน ลำไยรูดร่วง 286,175 ตัน เก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยในฤดูแล้ว (ข้อมูลวันที่ 11 ส.ค. 2563) 238,393.55 ตัน คิดเป็นร้อยละ 61.75 แบ่งเป็น ลำไยสดช่อ 75,713.75 ตัน หรือร้อยละ 31.76 และลำไยรูดร่วง 162,679.80 ตัน หรือร้อยละ 68.24 โดยราคาลำไยสดช่อ เกรด AA อยู่ที่ 31 บาท/กิโลกรัม เกรด A ราคา 24.88 บาท/กิโลกรัม เกรด B ราคา 20.77 บาท/กิโลกรัม และเกรด C ราคา 7.94 บาท/กิโลกรัม ส่วนเกรด AA+A เกรดคละรวมอยู่ที่ 26.89 และ 18.15 บาท/กิโลกรัม สำหรับราคาลำไยรูดร่วง เกรด AA อยู่ที่ 17.72 บาท/กิโลกรัม เกรด A ราคา 10.69 บาท/กิโลกรัม เกรด B ราคา 4.78 บาท/กิโลกรัม และเกรด C ราคา 1 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 10.8 บาท/กิโลกรัม.-สำนักข่าวไทย