กระทรวงการคลัง 7 พ.ค. -รองนายกฯพิชัย ประกาศเร่งฟื้นเศรษฐกิจไทย ผ่านหลายมาตรการ ทั้งงบลงทุน หารายได้จากท่องเที่ยว เคลียร์หนี้ครัวเรือน เตรียมนัดหารือกับผู้ว่า ธปท. ถกนโยบายดอกเบี้ย เดินหน้าผลักดันดิจิทัลวอเล็ต 1 หมื่นบาท
นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง ว่า ปัญหาความขัดแย้งทางนโยบายของรัฐบาลกับแบงก์ชาติ ในเรื่องนโยบายดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ จึงพร้อมนัดหารือกับผู้ว่า ธปท. เพื่อให้การทำนโยบายการเงิน ของ ธปท. และนโยบายการคลัง ของรัฐบาล สอดคล้องกัน ดูแลเสถียรภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน ยอมรับว่า เมื่อจีดีพีหดตัวทำให้รายได้ของประชาชนลดลงไปด้วย
“ยอมรับว่าการอัดเม็ดเงินใหม่ให้ประชาชนผ่านดิจิทัลวอเล็ต เงินไม่ได้ไปตกอยู่กับเจ้าสัวเพียงอย่างเดียว เพราะเงินใหม่จะกระจายไปยังทุกส่วน ทั้งร้านค้ารายย่อย เอสเอ็มอี และผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ เวลาใส่อะไรเข้าไป อย่ามองว่าช่วยคนจน หรือคนรวย แต่เป็นการเติมเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบ เพื่อเติมโอกาสใหม่เข้าสู่เศรษฐกิจ เพราะขณะนี้ประชาชนมีภาระหนี้ครัวเรือน 16 ล้านล้านบาท สูงกว่าร้อยละ 90 ของจีดีพี เมื่อประชาชนไม่มีเงินใหม่ในการใช้จ่ายจึงกระทบการครองชีพ เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้นทุกวัน จึงต้องทำให้เกิดเงินใหม่หมุนเวียนในระบบเพื่ม” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยทรุดตัวอย่างมาก จีดีพีลดลงแบบขั้นบันได จากร้อยละ 4 เหลือร้อยละ 1 ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วง 20ปีก่อน ไทยเป็นที่นับหน้าถือตา ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการใช้งบลงทุนมากขึ้นจากร้อยละ 20 เพิ่มเป็นร้อยละ 24 ในปี 68 และเพิ่มงบประมาณลงทุนในกลุ่มจังหวัดเพิ่มกว่าแสนล้านบาท เพื่อกระจายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคเพิ่มขึ้น
เมื่อไทยเป็นประเทศผู้ผลิต ต้องพึ่งรายได้จากการส่งออก แต่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และศักยภาพภาพการแข่งขันลดลง จึงต้องหารายได้จากการท่องเที่ยวมาทดแทนการส่งออก เพราะไทยมีศักยภาพด้านท่องเที่ยว การนำทรัพยากรธรรมชาติใต้ดินในอ่าวไทยขึ้นมาพัฒนา โดยเปิดประเทศ ให้ต่างชาตินำเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาร่วมวิจัยและพัฒนา ยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารแข่งขัน ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อออกไปโรดโชว์ให้นักลงทุนเข้าใจ จะดึงความเชื่อมั่นได้มากขึ้น เพราะไทยตั้งอยู่ในจุดเหมาะสมที่ต่างชาติต้องการ ทั้งพลังงานสะอาด
รัฐบาลมุ่งเดินหน้าพัฒนาโลจิสติกส์ การขนส่ง เมื่อไทยตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของภูมิภาค จึงมีศักยภาพรองรับการขนส่ง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าจากจีนซึ่งเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจ เชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่น เมื่อไทยเป็นผู้ผลิต ต้องเป็นผู้ขนส่ง และผู้ทำตลาดที่ดี เพื่อเปิดตลาดเพิ่มทางเลือกใหม่