กรุงเทพฯ 17 เม.ย. – ตลท. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ขับเคลื่อนโครงการ “Care the Whale สถานีขยะล่องหน คุ้งบางกะเจ้า” ปีที่ 4 เพิ่มการคัดแยกขยะประเภท Multi-Layer Plastic หรือถุงวิบวับ ที่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ วัดจากแดง บมจ. สหพัฒนพิบูล บมจ. โอสถสภา และ บมจ. พริ้นซิเพิล แคปิตอล ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวีตคนในชุมชน ณ คุ้งบางกะเจ้าจ.สมุทรปราการ ภายใต้โครงการ “Care the Whale สถานีขยะล่องหน คุ้งบางกะเจ้า” ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่4 ด้วยการปลูกฝังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนในชุมชน ให้จัดการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ปีนี้เพิ่มการคัดแยกขยะประเภท Multi-Layer Plastic หรือ ถุงวิบวับ ที่มีจำนวนมากและทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งปัจจุบันสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ตั้งเป้าปี 2567 ชุมชนส่งขยะมาเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเพิ่มกว่า 40% จากปีก่อน
พระราชวัชรบัณฑิต (ประนอม ธัมมาลังกาโร) เจ้าอาวาส วัดจากแดง กล่าวว่า ขออนุโมทนาบุญและขอขอบคุณหน่วยงานภาคเอกชนในความร่วมมือโครงการ “Care the Whale สถานีขยะล่องหน คุ้งบางกะเจ้า” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4ที่ผ่านมา ประชาชนในชุมชนคุ้งบางกะเจ้า มีส่วนร่วมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริหารจัดการขยะ และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนในระดับชุมชนอย่างแท้จริง สอดคล้องกับการทำงานของวัดจากแดงที่เป็นศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะ และพัฒนาองค์ความรู้ต่อเชื่อมการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ นำมาซึ่งนวัตกรรมตามแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยในปี 2566 โครงการ “Care the Whale สถานีขยะล่องหน คุ้งบางกะเจ้า” คัดแยกขยะจากชุมชนได้ถึง 354,265 กิโลกรัม โดย 86% เป็นขยะเศษอาหารซึ่งวัดได้นำขยะดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ในปี 2567 วัดจากแดงมีความยินดีที่โครงการสนับสนุนให้ชุมชนแยกขยะประเภทถุงวิบวับ หรือซองบรรจุภัณฑ์ที่เรียกว่า Multi-Layer Plastic เพิ่มเติม ซึ่งวัดสามารถนำมาผ่านกระบวนการแยกเป็นเชื้อเพลิงและอะลูมิเนียมเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายกีรติ โกสีย์เจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารกิจกรรมเพื่อสังคมและหัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินงานความยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล(Environmental, Social and Governance: ESG) สำหรับโครงการ “Care the Whale สถานีขยะล่องหน คุ้งบางกะเจ้า” จ. สมุทรปราการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินโครงการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนคุ้งบางกะเจ้า ด้วยการปรับพฤติกรรมคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางและนำแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในคุ้งบางกะเจ้า ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถนำองค์ความรู้ เครื่องมือในการบริหารจัดการ และดึงพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทำงานสอดประสานกับชุมชนในพื้นที่
“ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งเสริมการบริหารจัดการขยะในคุ้งบางกะเจ้ารวม 378,759 กิโลกรัมลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 341,559 kgCO2e เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 37,951 ต้น และในปี 2567 มีเป้าหมายว่าโครงการจะสามารถขับเคลื่อนให้ชุมชน หน่วยงาน ร้านค้า จัดการคัดแยกขยะได้ 500,000 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นกว่า 40% จากปีก่อน และเพิ่มประเภทขยะที่เข้าสู่กระบวนการคัดแยกให้ครบยิ่งขึ้น โดยเพิ่มประเภทถุงวิบวับ หรือ Multi-Layer Plastic ที่มีจำนวนมากเพราะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ทั่วไปสำหรับเครื่องอุปโภคบริโภค แต่ที่ผ่านมายังไม่ถูกนำไปรีไซเคิลเนื่องจากมีต้นทุนในกระบวนการคัดแยกสูง วิธีการรีไซเคิลซับซ้อนกว่าพลาสติกประเภทอื่น หวังว่าการขับเคลื่อนโครงการในปีนี้จะลดผลกระทบของขยะต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน” นายกีรติกล่าว
นางชัยลดา ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทในฐานะที่เป็นพันธมิตรกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินโครงการตั้งแต่ปีแรก ได้เห็นพัฒนาการและผลลัพธ์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในคุ้งบางกะเจ้า ทั้งด้านปริมาณขยะที่ชุมชนคัดแยกและส่งมายังวัดจากแดงเพิ่มขึ้นทุกปี และการขยายการเข้าถึงชุมชนโดยให้ความรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มาจากขยะตกค้าง โดยบริษัทได้ส่งเสริมความรู้และการจัดการขยะแก่เยาวชนผ่านโรงเรียนในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้านำไปสู่การสร้างจิตสำนึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในชุมชนในเรื่องการบริหารจัดการขยะ นอกจากนี้ ได้สนับสนุนสินค้าบริษัทในเครือให้กับชุมชนเพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และในปีนี้จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องรวมถึงการให้ความรู้เรื่องการจัดการขยะประเภทใหม่ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน
นางสาวอติยา อาวัชนาการ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ “Care the Whale สถานีขยะล่องหน คุ้งบางกะเจ้า” สอดคล้องกับปณิธานขององค์กรที่ต้องการสร้างคนที่มีจิตใจของความเป็นผู้ให้เพื่อช่วยเหลือคน ชุมชน และสังคม และมุ่งขับเคลื่อนความยั่งยืนให้กับชุมชนผ่านความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านการเป็นผู้ดูแลสุขภาพ ในปีนี้ บริษัทต่อยอดแนวคิดโครงการขยะแลกสุขภาพ สนับสนุนสิ่งของดูแลสุขภาพไม่ว่าจะเป็น เครื่องวัดความดัน ปรอทวัดไข้ และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถติดตามสถานะสุขภาพเบื้องต้นของตนเองได้ และลงพื้นที่ออกตรวจสุขภาพให้กับพระสงฆ์ในวัดจากแดงซึ่งเป็นศูนย์กลางสถานีขยะล่องหนและการคัดกรองสุขภาพคนในชุมชนโดยเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ มีการให้ความรู้ถึงการจัดการขยะติดเชื้ออย่างถูกวิธี อีกทั้งยังเปิดให้ชุมชนนำขยะที่ผ่านการคัดแยกมาส่งที่ ณ จุดตรวจสุขภาพอีกด้วย นอกจากนี้เพื่อเป็นการต่อยอด การจัดการขยะประเภทถุงวิบวับกับทางวัดจากแดง ทางโรงพยาบาลจะได้ริเริ่มโครงการแยกขยะแผงยา และรับเป็นจุด Drop Point สำหรับขยะกลุ่มดังกล่าวเพื่อส่งต่อให้ทางวัดจากแดงได้นำไปจัดการต่อผ่านเครื่องนวัตกรรมไพโรไลซิสรุ่นใหม่ และได้อะลูมิเนียมเพื่อส่งต่อทำประโยชน์อื่นๆ เช่น ขาเทียม เป็นต้น
นางสุธิดา เสียมหาญ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ “Care the Whale สถานีขยะล่องหน คุ้งบางกะเจ้า” ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทเรื่องการจัดการขยะขวดแก้วในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพราะขวดแก้วเป็นวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ 100% และไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยปีที่ผ่านมา ชุมชนคุ้งบางกะเจ้าได้ส่งมอบขยะขวดแก้วมากถึง 20,623 กิโลกรัม และสำหรับปีนี้ คาดว่าจากการร่วมรณรงค์และขับเคลื่อนโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการคัดแยกขยะของชุมชนให้มีการนำขยะขวดแก้วมาส่งที่สถานีขยะล่องหนเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทฯ ได้สมทบทุน 50 สตางค์ ต่อน้ำหนักขยะขวดแก้ว 1 กิโลกรัมและแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือให้กับวัดจากแดงตามมูลค่าน้ำหนักของขยะขวดแก้วที่สถานีขยะล่องหนรวบรวมได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเชื่อมโยงเครือข่ายที่เป็นบริษัทรีไซเคิลเข้ารับซื้อขยะขวดแก้วจากวัดจากแดง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ผลิตเป็นขวดแก้วใหม่ ซึ่งยอดขยะจากโครงการฯ ที่กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลในแต่ละปีเป็นเครื่องยืนยันถึงพลังสำคัญของชุมชนในการดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี.-516-สำนักข่าวไทย