รมว.อุตฯ มั่นใจไทยจะเป็นศูนย์ยานยนต์ไทย สู่ท็อปเทนโลกได้แน่

กรุงเทพฯ 7 มี.ค.-เดลินิวส์” ร่วมเช็กยานยนต์ไทยสู่ท็อปเทนโลก จัดใหญ่ ประเดิมปีมังกรทอง “เดลินิวส์ ทอล์ก 2024” เช็กความพร้อมยานยนต์ไทย สู่ท็อปเทนโลก อย่างยั่งยืน โดย รมว.อุตสาหกรรมมั่นใจไทยพร้อมเป็นศูนย์ยานยนต์สู่ท็อปเทนโลกได้แน่ ตอกย้ำรัฐบาลเดินหน้าเต็มทีดันให้ไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาเกิดขึ้นได้แน่ไม่นานนี้


นายปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ เปิดเผยว่าในโอกาสที่เดลินิวส์จะครบรอบ 60 ปี ในวันที่ 28 มีนาคม 67 นี้ ในฐานะสื่อมวลชนที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนาน ได้จัดกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบรวมถึงการจัดงานเสวนา “เดลินิวส์ทอ ลัก2024” (Dailynews Talk 2024)) เพื่อเผยแพร่ความรู้และทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยภายใต้หัวข้อ “เช็กความพร้อมยานยนต์ไทย สู่…ท็อปเทนโลก อย่างยั่งยืน” นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมาเป็นประธานเปิดงานพร้อมกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ยานยนต์ไทย สู่…ท็อปเทนโลก” และมีเวทีเสวนาในหัวข้อ
“อนาคตรถสันดาป-รถอีวี ไปทางไหน? “มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย, นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และนายพงษศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะมาร่วม ถ่ายทอดมุมมองแนวคิด และอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแบบครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นรถสันดาปหรือรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม การเสวนาฯครั้งนี้ มีทั้งผู้กำหนดนโยบาย และกรูด้านยานยนต์จะมาให้ความรู้ข่าวสาร การปรับเปลี่ยน ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและโลกในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร และในส่วนของผู้ประกอบการธุรกิจยานยนต์ของไทย มีความพร้อมเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร เชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับฟังไม่น้อย


“เดลินิวส์” ในฐานะสื่อมวลชนที่อยู่คู่กับประเทศไทยมายาวนาน ยังขอทำหน้าที่สื่อมวลชนรายงานข่าวนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาต่อไป โดยขอให้คำมั่นสัญญาว่า “เด ลินิวส์” ยังคงทำหน้าที่เป็นสถาบันสื่อมวลชนหลักของประเทศยึดถือหลักการ “เชื่อมั่น ยั่งยืน เคียงข้างคนไทย” และพร้อมชื่อมโยง ส่งต่อนโยบายของภาครัฐภาคเอกชน ทำให้สังคมทุกภาคส่วนได้รับรู้ เข้าถึงภายใต้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของเดลินิวส์ขอบพระคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนเดลินิวส์เสมอมาและตลอดไป นอกจากเวทีเสวนา “ยุทธศาสตร์ยานยนต์ไทย สู่….ท็อปเทนโลก” ในวันนี้แล้ว เดลินิวส์ ยังมี”งานเดลินิวส์ทอล์ก” ในหัวข้อที่น่าสนใจในปีนี้ อีก 5 เวที ทั้ง เวทีเสวนา ด้าน Sustainable เรื่อง Action for change ทำเดี๋ยวนี้เพื่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2567 นี้ เวทีเสวนาเรื่องอสังหาฯยังติดกับดัก!! รอวันรัฐบาลสนับสนุน ,เวทีเสวนา เรื่องจับเข็มทิศอุตสาหกรรมไทยไปทางไหน?, เวทีเสวนา ใช้ชีวิตง่าย ๆ แบบรักษ์โลก และเวทีเสวนา เรื่อง พลิกโฉม ท่องเที่ยวไทยจะไม่เหมือนเดิม อีกด้วย“นายปารเมศ กล่าว

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วงประมาณ 20 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ ถือเป็น 1 ใน 3 เสาหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย จนกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปทั่วโลกด้วยการมีโปรดักส์ แชมเปี้ยน เช่น รถกระบะ รถอีโคคาร์โดยในปี2565 ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์รวม 1.9 ล้านคัน อยู่อันดับที่ 10 ของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียน มีมูลค่าส่งออกรวมประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท ที่สำคัญ คืออุตสาหกรรมยานยนต์ มีลักษณะที่โดดเด่นคือมีซัพพลายเชนด้านชิ้นส่วนที่เข้มแข็งและขยายวงกว้างอยู่ทั่วประเทศ

ปัจจุบันแบรนด์รถยนต์รายใหญ่ ๆ ล้วนมาตั้งโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ในประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ของภูมิภาค ส่งผลให้อุตสาหกรรรมยานยนต์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยทั้งด้านการลงทุนการจ้างงาน การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการส่งออกอย่างไรก็ตามข้อมูลสถิติล่าสุดชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยถึงจุดอิ่มตัวแล้วนั่นก็คือในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตยานยนต์ค่อนข้างคงที่ไม่เกิน 2 ล้านคัน แบ่งเป็นขายในประเทศเกือบ 1 ล้านคัน ที่เหลือส่งออก นอกจากนี้ยังเผชิญกับกระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆทั้งการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เช่น การขับขี่อัตโนมัติ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งทั่วโลกมีเป้าหมายร่วมกันที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ซึ่งนำมาของกระแสรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV)


อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆเหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยและโลกในอนาคต ปัจจุบันจึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ และคงไม่มีใครปฏิเสธว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพปลอดภัย เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก ดังนั้นในเวลานี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ที่จะปลุกให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่เป็นเสือหลับให้ตื่นกลับมายืนฉายแสงในภูมิภาคอีกครั้ง ดังนั้น ต้องกำหนดยุทธศาสตร์ทั้งระบบ เพื่อให้ไทยยังรักษาฐานการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะทันกระแสของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่โตก้าวกระโดดและไม่ตกจากเวทีโลก ที่ผ่านมารัฐบาลได้กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายสอด รับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติหรือ บอร์ด EV ซึ่งปัจจุบันมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเองเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้วิสัย ทัศน์

ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในปี 2573 หรือที่เรียกว่า “แผน30@30” คือการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573หรือปี 2030 โดยรถยนต์ไฟฟ้า มีมูลค่าการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ แบ่งตามประเภทรถยนต์ดังนี้รถยนต์ไฮบริด มูลค่าส่งเสริมการลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท รถยนต์ปลัก-อิน ไฮบริด มูลค่า 10,000 ล้านบาท และรถยนต์ไฟฟ้า มูลค่า 40,000 ล้านบาท และในปี 2567 มีหลายบริษัทเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยมาตรการสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้าช่วยผลักดันให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในปี 2566 สูงถึง 76,000 คัน สอดคล้องกับมติ ครม. รัฐบาลชุดนี้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือ มาตรการ EV3.5 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญให้เติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น คือ การ ขับเคลื่อนแผน 30@30 ในส่วนของการผลิตที่เหลืออีก 70% คือการพัฒนาการผลิตยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้เห็นชอบมาตรการในช่วงเปลี่ยนผ่าน ด้วยการส่งเสริมการผลิต รถยนต์ ICE ให้เปลี่ยนผ่านไปรถยนต์กึ่งไฟฟ้าได้แก่รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ปลัก-อิน ไฮบริด ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และ มีเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นทางเลือก ช่วยลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษได้มากขึ้นรวมทั้งการขยายสิทธิประโยชน์ภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงาน

กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมเป็นหน่วยงานหลัก มุ่งให้เกิดการพัฒนาสู่การเปลี่ยน ผ่านไปสู่การใช้ยานยนต์พลังงานสะอาดและพร้อมก้าวเดินไปพร้อมกับภาคเอกชน ในขณะเดียวกันก็ยัง ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์เดิมให้ยืนหยัดในการพัฒนายานยนต์เดิมให้สะอาดและประหยัดขึ้น รวม ทั้งการบูรณาการความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อผนวกกับศักยภาพของประเทศไทย ความพร้อมของปัจจัยพื้นฐานต่างๆทั้งในเรื่องของสิทธิประโยชน์การลงทุน ระบบโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะกลับมาเป็นเสือตื่นและผงาดอยู่ในท็อปเทนของฐานการผลิตยานยนต์โลกได้อีกครั้ง ดังนั้น รัฐบาลพร้อมเดินหน้าที่จะทำให้ไทย

“เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะสามารถกลับมาเป็นเสือที่ตื่นและผงาดอยู่ในท็อปเทนของฐานการผลิตยานยนต์ และยานยนต์ไฟฟ้าของโลก พร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการรักษาโลกที่สวยงามใบนี้ พร้อมส่งต่อให้กับคนรุ่นหลังต่อไปแน่น“นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]