กรุงเทพ 16 ม.ค. – กกพ. ระบุ แนวโน้มค่าไฟฟ้าปี 2567 ต้นทุนจะอยู่ที่ 4.20 บาท/หน่วย ไม่รวมกับหนี้ค่าเชื้อเพลิง กฟผ. ราวแสนล้านบาท พร้อมเผยความคืบหน้าแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว กำลังอยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นประชาชน คาดใช้เวลา 3 สัปดาห์
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.ในฐานะโฆษก กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้ารอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 ต้นทุนจะทรงตัวจากงวดนี้ (มกราคม-เมษายน67) ที่ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย โดยคาดว่าต้นทุนงวดใหม่จะอยู่ที่ราว 4.20-4.25 บาทต่อหน่วย และค่าไฟฟ้าทั้งปีจะอยู่ที่ราว 4.20 บาท/หน่วย ทั้งนี้ยังไม่รวมหนี้ค่าเชื้อเพลิงที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระต้นทุนให้ประชาชนไปก่อนหน้านี้รวม 1.1 แสนล้านบาท แต่อย่างใด ซึ่งหากรวมค่าไฟฟ้าคงจะขยับขึ้นมากกว่านีั
สำหรับต้นทุนค่าไฟฟ้าดังกล่าวขึ้นสมมติฐานหลายปัจจัย เช่น ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณ จะมาหรือไม่มาตามข้อกำหนด 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายในเดือนเมษายน 67 และปัญหาก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาร์ปริมาณจะลดลงจากคาดการณ์หรือไม่ รวมทั้งราคาก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี ราคาจะเป็นเท่าใด ถ้ายังอยู่ในราคาปัจจุบันนี้จนถึงเดือนเมษายน ในปี 2567 มีความเป็นไปได้ที่ราคาค่าไฟฟ้าจะไม่สูงไปกว่านี้หรือบวกลบนิดหน่อยโดยราคาขณะนี้อยู่ที่ 10-11 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู
“ต้นทุนค่าไฟฟ้าขึ้นกับหลายปัจจัยจะมีก๊าซ short fall รอบใหม่จากแหล่งเอราวัณหรือไม่ และจะขึ้นอยู่กับนโยบายการเมืองรวมทั้งราคา LNG ในตลาดโลก” นายคมกฤชกล่าว
นายคมกฤช กล่าวถึง การกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ก่อนที่จะนำความเห็นที่ได้กลับมาพิจารณาที่ กกพ. อีกครั้ง ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจว่า Utility Green Tariff หรือ UGT คือ อัตราค่าไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ ซึ่งจะมีการออกใบรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (REC Certificate)ร่วมกับการให้บริการ โดยผู้ต้องการใช้พลังงานสีเขียวสามารถเลือกได้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบแรก ผู้ใช้ไฟฟ้าจะไม่สามารถเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้าสีเขียวได้ (UGT 1) โดยผู้ใช้บริการกลุ่มนี้จะเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3,4 และ 5 สามารถใช้บริการไฟฟ้าสีเขียวได้จาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง ในราคาตามปกติ คาดว่าจะขายให้บริการได้ในเดือนพฤษภาคม 2567 ส่วนรูปแบบที่สอง คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถเจาะจงแหล่งที่มาได้ (UGT 2) กลุ่มนี้จะเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 4 และ 5 โดยจะใช้บริการไฟฟ้าสีเขียวที่รับซื้อมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ โดยคาดว่าจะมีราคาประมาณ 4.55 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับประเทศมาเลเซีย เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดรับซื้อได้ 5,000 เมกกะวัตต์ หากมีผู้สนใจมากขึ้นจะขยายการรับซื้ออีก 3,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งถ้าเป็นไปตามความคาดหมาย น่าจะเปิดขายให้ภาคเอกชนได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
ส่วนคำถามว่าทำไมต้องใช้ไฟฟ้าพลังงานสีเขียวนั้น เป็นเพราะประเทศผู้บริโภคสินค้า มีกฎกติกาสากลว่าต้องการมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ผู้ซื้อสินค้าจึงหันมาใช้บริการกับกลุ่มบริษัทที่ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ใหม่ของโลก.-513-สำนักข่าวไทย