เศรษฐกิจปี 66 ฟื้นจากแรงหนุนบริโภคในประเทศและท่องเที่ยว

กทม. 18 ก.ย.-นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ระบุแนวโน้นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 66 จะฟื้นตัวขึ้นมาจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยว แต่ผลกระทบหลายด้านจากครึ่งปีแรกทำให้อัตราการเติบโตในปี 66 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.3 เท่านั้น จากเดิมที่เคยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 66 จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4.2 ยังคงต้องติดตามหลายปัจจัยทั้งเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยนโยบายว่าจะนิ่งนานแค่ไหน แต่ปีหน้าโอกาสที่เศรษฐกิจไทยโตร้อยละ 4.5 เป็นไปได้สูง


ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่าธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 4.3 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 เนื่องจากภาพรวมด้านการเมืองมีความชัดเจนขึ้น ประกอบกับนโยบายกระตุ้นการใช้ง่ายและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น คาดธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอย่างน้อยถึงสิ้นปี 2568 โดยอาจมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเป็นตัวแปร

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัวแม้ในระยะที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ตอนนี้ได้รัฐบาลใหม่ คาดการบริโภคภายในประเทศช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามด้วยการฟื้นตัวในภากการท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้น โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยกว่า 17.5 ล้านคน โดยเฉลี่ยมีการเดินทางเข้ามาเดือนละ 2.2 ล้านคน เนื่องจากกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งธนาคารฯ ดาดมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 3 ล้านคน ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนนี้ ทำให้ทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยประมาณ 30 ล้านคน 


ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับเกือบ 40 ล้านคน ในปี 2562 เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจ โลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่หลายประการ ธนาคารสแตนดารัดชาร์เตอร์ดจึงปรับลด คาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัดจากร้อยละ 3.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ของดีพี การขาดดุลปีงบประมาณคาดอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ต่อจีดีพี ในปี 2567 จากร้อยละ 3.8 ต่อจีดีพี ในปี 2566

สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 น่าจะล่าช้า ในขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้มีทิศทางอย่างไร คงเป็นสิ่งที่ต้องมีการติดตามดู และสะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของประเทศ ธนาคารฯได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2566 ลงจากร้อยละ 4.2 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 คาดเศรษฐกิจเติบโตที่ร้อยละ 4.2 ในปี 2567 จากเดิมคาคไว้ที่ร้อยละ 1.5 ด้วยเหตุนี้ จึงมีการปรับลดการเงินเฟ้อพื้นฐานในปีนี้ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.3 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 1.7 โดยคาดเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ในปี 2567 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.3 ในขณะที่คงคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 ที่ร้อยละ 1.4 ธนาคารฯยังกังวลปัจจัยเสี่ยงปีหน้า คือ ปัญหาเศรษฐกิจโลกน่าจะโตต่ำกว่าร้อยละ 3 คาคว่า เงินเฟ้อจะเพิ่มสูงอยู่ที่ร้อยละ 2.1 จากเหตุน้ำมันอาจจะกลับมาสูงขึ้นได้ ขณะที่เงินบาทในช่วงปลายปีน่าจะแข่งค่าอยู่ที่ 34 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขส่งออกยังคงติดลบแต่จะมากหรือน้อยคงต้องดูว่าช่วงเวลาที่เหลือส่งออกไทยจะขยายตัวหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การค่อยๆ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการคลังและเงินเฟ้อทั่วไปที่อยู่ในระดับต่ำในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ยังไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นโยบาย ยังคงมีความเสี่ยงด้านเงินเอ ดังนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่อาจมีการกลับมาพูดถึงการปรับขึ้นอัตราคอกเบี้ยอีกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ นโยบายการคลังและการฟื้นตัวของภากการท่องเที่ยวที่ชัดเจนกว่านี้น่าจะทำให้เห็นความชัดเจนในทิศทางคอกเบี้ยนโยบายยิ่งขึ้น และธนาคารฯคงจะเฝ้าตามดูว่าการประกาศใช้นโยบายดิจิทัล 10,000 บาทที่รัฐบาลจะออกมานั้นยังไม่ชัดเจนว่าจะออกมาอย่างไรและจะใช้เงินจากที่ใดบ้าง จึงยังไม่สามารถประเมินอะไรได้ในตอนนี้มากนัก .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ไม่พบตามที่มีการแจ้ง และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ประธาน กกต. เผยในการเลือกตั้งตรวจดูตามหน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเรื่องการนับคะแนน เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่าขานคะแนนไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน แสงสว่างน้อย จึงขอให้ขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ เพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เกิดความสงสัย และหากมีฝนตกก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะหากไฟฟ้าดับ ส่วนผู้ใช้สิทธิจะมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้ตังเป้าไว้ร้อยละ 70 เพราะดูจากการมาใช้สิทธิตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ขณะที่การนับคะแนน หลังปิดการลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนหัวหินวิทยาคม ซึ่งมี 6 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งหมดเวลาปิดการลงคะแนน และเริ่มการนับคะแนนทันที โดยเป็นการนับคะแนนนายกเทศมนตรี และมานับคะแนนสมาชิกสภาเทศบาล ท่ามกลางตัวแทนผู้สมัครมาเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับการเลือกตั้งเทศบาลมีจำนวน 2,463 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]