ลุ้น! ค่าไฟงวด 3/66 จะพุ่งหรือไม่หลัง งวด 2/66 ลดลงจากงวด แรก 2 สต.

กรุงเทพฯ 24 เม.ย.-บอร์ด กกพ. เห็นชอบลดค่าไฟฟ้า งวด 2/66 ทำให้ลดลงได้จากงวด 1/66 อีก 2 สตางค์/หน่วย รอลุ้นงวด 3/66 จะลดลงอีกหรือไม่ ปัจจัยหลักการผลิตของแหล่งเอราวัณต้องมาตามแผน และราคาแอลเอ็นจีโลกต้องอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ส่วนการยืดหนี้ของ กฟผ.เผยกระทบต้นทุนค่าไฟ 700 ล้านบาท/งวด หรือกว่า 1 สตางค์/หน่วย  ผลกระทบต่ออาจทำให้ กฟผ.จ่ายเงินเข้ารัฐล่าช้าลงอีก


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์  เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)นัดพิเศษวันนี้(24เม.ย.)พิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร(เอฟที)งวด2/66(พ.ค.-สค.)ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เสนอพร้อมรับภาระค่าเอฟทีลดลง 7 สต.ทำให้ค่าไฟฟ้า ค่าเอฟทีลดลงจากเดิมที่ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 4.77 บาทต่อหน่วยเป็นอัตราเอฟทีใหม่จะอยู่ที่ 91.19 สตางค์และค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ4.70บาท/หน่วย  นับว่าเป็นอัตราที่ลดลงจากงวด 1/66 อีก 2 สตางค์/หน่วยเพราะงวดนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาท/หน่วย

สำหรับการลดค่าเอฟทีได้นั้น เนื่องจาก กฟผ.ขยายเวลารับภาระหนี้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแทนประชาชนที่วงเงินล่าสุดเหลือประมาณ1.3แสนล้านบาท (จากหนี้รวม 1.5 แสนล้านบาท )โดยงวดนี้ กฟผ.จะได้คืนหนี้คิดเป็นค่าเอฟที 27.82สตางค์/หน่วย(18,158ล้านบาท)จากเดิมจะได้คืน34.90 สตางค์(22,781ล้านบาท)หรือได้คืนลดลง4,623ล้านบาท


โดยมติ กกพ.มีผลทันทีโดยไม่ต้องรับฟังความเห็นประชาชนรอบใหม่เนื่องจากสมมุติฐานอื่นๆไม่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นกรณีการปรับเลื่อนคืนหนี้ .กฟผ.จากเดิมคืนหนี้ให้หมดภายใน2ปีหรือ6งวด(ม.ค66-ธ.ค.67)ก็เลื่อนเป็น7งวด(ม.ค.66-เม.ย.68)อย่างไรก็ตามความเห็นหน่วยงานเกี่ยวข้องเช่นกระทรวงการคลังต่างระบุไม่ขัดข้องเรื่องการยืดหนี้รอบนี้ แต่ให้ระมัดระวังเงินกู้และการเงิน ของ.กฟผ.ที่อาจประสบปัญหาสภาพคล่องในงวดต่อๆไปและอาจกระทบต่อเครดิตเรตติ้ง

“ส่วนค่าไฟฟ้าที่ขณะนี้บ่นกันมากว่าแพงขึ้นก็ขอชี้แจงว่า งวดเดือน มี.ค. –เม.ย.ค่าไฟฟ้ายังไม่ได้ปรับขึ้นแต่อย่างใดยังคิดที่เฉลี่ย 4.72 บาท/หน่วย แต่จากอากาศร้อน เครื่องใช้อากาศทำงานหนัก ค่าไฟฟ้าเป็นอัตราก้าวหน้า ยิ่งใช้แยอะยิ่งจ่ายแพง และหากใช้เงิน 300 หน่วยต่อเดือนก็ไม่มีส่วนลดจากรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้ค่าไฟพุ่งขึ้น”นายคมกฤชกล่าว

นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)กล่าวว่า กฟผ.พร้อมร่วมรับภาระค่าไฟงวด2/66เพราะประเมินรอบด้านแล้วฐานะการเงินยังพอรับได้แต่ในงวดถัดๆไปคงไม่สามารถรับภาระเพิ่มได้อีก โดยแต่ละงวดนั้นต้นทุนดอกเบี้ยจะมีราว700ล้านบาทหรือเทียบค่าไฟเอฟทีสูงกว่า1สตางค์ต่อหน่วยซึ่งกระทบต่อค่าไฟในที่สุดดังนั้นข้อเสนอเอกชนที่ให้ยืดหนี้ไปเป็น3ปีหรือ9งวดก็กระทบค่าไฟเพิ่มขึ้นเช่นกัน


ในขณะเดียวกันในงวด2/66ที่กฟผ.ได้รับชำระหนี้ช้า4,623ล้านบาท .ทาง กฟผ.ก็จะรอดูสมมุติฐานโดยรวมว่าต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติจะผิดไปจากแผนงานที่ บมจ.ปตท.นำเสนอหรือไม่และการใช้ไฟภาพรวมผิดจากแผนมากน้อยเพียงใด เช่น เดือนม.ค.-มี.ค.66อากาศเย็นทำให้การใช้ไฟต่ำกว่าแผนและทำให้ กฟผ.ได้เงินคืนต่ำกว่าแผน 750ล้านบาทดังนั้น หาก กฟผ.ได้รับผลกระทบจากการผิดแผนก็อาจจะเจรจากระทรวงการคลังเลื่อนการนำเงินส่งรัฐ4,623ล้านบาทจากที่ต้องนำส่งรายได้ปี65วงเงิน 18,000 ล้านบาทในเดือนก.ย.66และงวดแรกปี66 อีก9,000ล้านบาทในเดือนต.ค.66 ในขณะที่กฟผ.มีวงเงินกู้เสริมสภาพคล่อง ที่ครม.อนุมัติไว้ 2รอบรวม1.1แสน และเงินกู้เบิกโอดีได้อีก 3 หมื่นล้านบาท 

คมกฤช ยังกล่าวถึงข้อเสนอเอกชนที่ให้ ลดค่าไฟงวด 2/66 ลงเหลือ 4.40 บาท/หน่วย เพราะราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ตลาดโลกลดลงว่า ในการพิจารณานั้นเป็นการตั้งสมมุติฐานล่วงหน้า ดังนั้น หากราคำนวณสุดท้ายลดลงจริงก็จะนำไปลดในงวดถัดไป หรืองวดที่  3/66 ( ก.ย.-ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม ในงวด 3/66 ราคาจะลดต่ำกว่า 4.70 บาท/หน่วยหรือไม่นั้น ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยทั้งค่าเงินบาท เรื่องปริมาณก๊าซอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งเอราวัณจะขึ้นได้ตามแผนงานหรือไม่ โดยขณะนี้ยังผลิตไม่ได้ถึง 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และเบื้องต้นทราบว่าจะล่าช้าลงอีกจากเดิมที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติรายงานว่า เดือน ก.ค. 66 จะผลิตได้ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันและ สิ้นปีนี้ 66 จะผลิตได้ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งหาก ผลิตได้ต่ำก็ต้องพึ่งพานำเข้าแอลเอ็นจี และปกติแล้วช่วงหน้าหนาวค่าแอลเอ็นจีจะแพงกว่านี้ และหาก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์มีเพิ่มเติมก็จะกระทบต่อราคาอีก ก็จะทำให้ต้นทุนค่าไฟแพงขึ้นด้า

นายคมกฤช ยังกล่าวถึงมีผู้เสนอให้ยกเลิกค่าเอฟทีว่า เรื่องนี้ คงต้องดูความพร้อมทั้งหมด ค่าไฟฟ้าของไทยอยู่ภายใต้มาตรการกำกับดูแลให้เกิดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวนต่ำที่สุด คิดจากต้นทุนค่าไฟฟ้าฐาน ปรับทุก5 ปีและบวกด้วยค่าเอฟทีที่เกิดจากต้นทุนการเปลี่ยนแปลงค่าเชื้อเพลิงและอื่นๆทุก 4 เดือน และยังมีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่หากปรับยกเลิกไม่มีเอฟที แล้วจะคิดค่าไฟฟ้าแบบใด เป็นกลไกเสรีเช่น กลุ่มยุโรป หรือมี 2 ระบบเหมือนกับสิงคโปร์ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าระบบเสรีนั้น ต้นท้นค่าไฟแพงขึ้น 3 เท่า เพราะสะท้อนต้นทุนราคาก๊าซฯที่พุ่งกระฉูด ส่วนข้อเสนอเรื่องการส่งเสริมพลังงานทดแทนนั้นทาง สำนักงาน กกพ.พร้อมสนับสนุน ตามฝ่ายนโยบายทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]