ทำเนียบฯ 14 ก.พ. – ครม.คลอด กฎหมายพัฒนาตลาดทุน 4 ฉบับ มุ่งส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัล โทเคนดิจิทัล ส่งมอบหลักทรัพย์ทางออนไลน์ เสริมเขี้ยวเล็บให้ ก.ล.ต. คุมตลาดทุน เป็นพนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างกฎหมายพัฒนาตลาดทุน 4 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ร่าง พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ร่างพ.ร.บ. ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.ส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัล โดยเพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดทุน การออกและส่งมอบหลักทรัพย์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และการออกเสนอขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์อื่น ๆ ในรูปแบบดิจิทัล หวังช่วยตลาดทุนดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ครบถ้วนทั้งระบบ และมีความยืดหยุ่น รองรับสถานการณ์ อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยยังคงมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม
2. เพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ เช่น การปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลผู้ถือหุ้นรายใหญ่และการเปิดเผยงบการเงินของผู้ประกอบธุรกิจ การกำกับดูแลบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน เป็นต้น ช่วยให้ผู้ลงทุนในตลาดทุนได้รับบริการคุณภาพ และได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม รวมทั้งสำนักงาน ก.ล.ต. สามารถกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ก่อให้เกิดต้นทุนหรือภาระแก่ผู้ประกอบธุรกิจจนเกินควร
3. ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลตลาดรองและองค์กรที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้การจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ทำได้ง่ายขึ้น รองรับการซื้อขายหลักทรัพย์รวมถึงโทเคนดิจิทัลที่มีลักษณะคล้ายกับหลักทรัพย์ รวมถึงเพิ่มการคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ฝากหลักทรัพย์ที่ฝากไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการกำกับดูแลสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์
4. เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลการระดมทุน สำนักงานสอบบัญชี และผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนเช่น เพิ่มและปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม หุ้นกู้ การเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ การกำกับดูแลสำนักงานสอบบัญชีกับผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน การให้อำนาจสำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดหลักเกณฑ์เรื่องการจดข้อจำกัดการโอนและกำหนดแนวทางการรายงานผลการเสนอขายหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น เพื่อลดข้อจำกัดในการระดมทุนในทางปฏิบัติ และให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีเครื่องมือกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในปัจจุบัน
5. เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและการกำหนดมาตรการลงโทษ โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองพยานในชั้นการตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานเจ้าหน้าที่ในความผิดบางประเภท การกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวน และเพิ่มบทลงโทษปรับ บุคคลที่จะให้ข้อมูลเบาะแสต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในความผิดบางประเภทได้รับความคุ้มครอง เหมือนคดีอาญาเป็นการสนับสนุนกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
6. ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกัน โดยเพิ่มและปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับองค์ประกอบ คุณสมบัติ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับตลาดทุนให้สอดคล้องกัน รวมทั้งเพิ่มบทบัญญัติเพื่อความชัดเจนให้พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม
โดยร่างพระราชบัญญัติทั้ง 4 ฉบับ หวังช่วยส่งเสริมการมุ่งสู่ตลาดทุนดิจิทัล ได้ครบถ้วนทั้งระบบ ทำให้ผู้ลงทุนและกิจการเข้าถึงตลาดทุนได้สะดวก มีทางเลือกในการใช้บริการที่หลากหลายเพิ่มขึ้น การยกระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ ตลาดรอง และองค์กรที่เกี่ยวเนื่องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ช่วยลดข้อจำกัดในการระดมทุนในทางปฏิบัติ และทำให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีเครื่องมือในการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ลงทุนจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและได้รับความคุ้มครองในมาตรฐานเดียวกัน การกำหนดมาตรการลงโทษ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทยอยู่ในระดับสูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย