กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านระบบไฟฟ้างานประชุม APEC 2022 ด้าน กกพ. งดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าชั่วคราว สะท้อนถึงค่าไฟฟ้าชาวบ้าน ม.ค. 66
นายทวีศักดิ์ สมานสิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ MEA ณ อาคารวัฒนวิภาส การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย ซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านระบบไฟฟ้างานประชุม APEC 2022 โดยได้จำลองการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เสมือนจริง พร้อมทดสอบการตอบสนองมาตรการฉุกเฉินของศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA/EMS/DMS สถานีไฟฟ้าต้นทาง สถานีย่อย และการไฟฟ้านครหลวงเขตต่างๆ ให้มีความพร้อมสูงสุดต่อการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และเป็นไปตามแผนรับมือเหตุวิกฤติของ MEA
สำหรับการสร้างความมั่นคงทางระบบไฟฟ้าสูงสุดในการจัดงาน APEC 2022 ครั้งนี้ MEA ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ ช่วยการเตรียมความพร้อมด้านระบบไฟฟ้า ได้แก่ การใช้เทคโนโลยี Acoustic Camera และ Thermovision สแกนตรวจเสียงในคลื่นความถี่สูง และตรวจจับความร้อนของอุปกรณ์ไฟฟ้า การใช้ Drone ตรวจสอบระบบสายส่งไฟฟ้า ระดมเจ้าหน้าที่ MEA กว่า 700 คน ประจำสถานีไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องทุกสถานี และประจำตามจุดต่างๆ พร้อมรองรับทั้งในทุกสถานการณ์ โดยการเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการ Field Force Management หรือ FFM เชื่อมโยงกับระบบแผนที่ GIS เพื่อสามารถเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงตรวจสอบทั้งระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กกพ. จะเร่งดำเนินการออกประกาศเรื่องการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำหรับผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้า ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย (มาตรา 97(4)) และประกาศเรื่องการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำหรับผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า (มาตรา 97(5) ในอัตรา 0 (ศูนย์) เป็นการชั่วคราว และจัดให้มีให้มีการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะผู้ที่เกี่ยวข้อง ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 ที่ปรับปรุงอัตราเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอัตราไม่เกิน 0.5 สตางค์ต่อหน่วย
“คาดว่าจากมาตรการงดเว้นการจัดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว จะสามารถลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนโดยเฉพาะในปี 2566 ที่แนวโน้มค่าไฟยังคงมีแนวโน้มสูงและแพงต่อเนื่องได้รวม 1,534.92 ล้านบาท โดยจะลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนลงเป็นจำนวน 0.0063 บาทต่อหน่วย คาดว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่มกราคม 2566 เป็นต้นไป” นายคมกฤช กล่าว.-สำนักข่าวไทย