กรุงเทพฯ 4 ต.ค. – SET เปิดภาคเช้าพุ่งกว่า 18 จุด รีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ ราคาทองคำ-น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น จับตาประชุมโอเปกพลสพรุ่งนี้ คาดลดกำลังผลิตอัตราสูง
ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้าวันนี้ บวกกว่า 18 จุด รีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ หลังจากวานนี้ร่วงไปค่อนข้างหนัก ตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ปรับลดลง หนุนเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เมื่อเวลา 10.13 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,576.58 จุด เพิ่มขึ้น 18.53 จุด
ด้านเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 37.80 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.08 บาทต่อดอลลาร์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ทิศทางตามดอลลาร์แข็งค่า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แย่กว่าคาดนั้นเป็น “Bad news is Good news for the market” ผู้เล่นตลาดการเงินสหรัฐพลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ท่ามกลางความหวังว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงต่อเนื่อง
โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือน ก.ย. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่ที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพบว่าลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในเดือน ส.ค. โดยดิ่งลง 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน ปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 30 ดอลลาร์ หรือ 1.79% ปิดที่ 1,702 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจัยหนุนเข้าซื้อทอง และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.33%
สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาขายปลีกทอง (ทองคำ 96.5%) ในประเทศ เมื่อเวลา 09.25 น. ปรับเพิ่มจากวานนี้บาททองคำละ 450 ตามสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 30,250.00 ขายออกบาททองคำละ 30,350.00 ทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 29,698.44 ขายออกบาททองคำละ 30,850.00
บมจ.ไทยออยล์ รายงานราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์กลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มปรับลดกำลังการผลิตราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ เพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยหากทางกลุ่มมีมติปรับลดกำลังการผลิต จะถือเป็นการปรับลดกำลังการผลิต 2 เดือนติดต่อกัน หลัง OPEC+ มีมติลดกำลังการผลิต 100,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนที่ผ่านมาและตลาดได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ปรับตัวอ่อนค่าลง ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาถูกลง และเพิ่มความดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นให้มาสนใจลงทุนในสัญญาน้ำมันดิบมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย