![](https://tna.mcot.net/wp-content/uploads/2020/09/jade-25-Sep-20-1-29-09-PM-685x360.jpg)
ชี้ ตั้ง กมธ.ศึกษาญัตติแก้ รธน. หน่วงเวลา แต่ยังพอรับได้
เชื่อ อุณหภูมิการเมืองร้อนแรงถึงขั้นปะทุ หากไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม ย้ำ ต้องแก้ รธน. ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม
เชื่อ อุณหภูมิการเมืองร้อนแรงถึงขั้นปะทุ หากไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม ย้ำ ต้องแก้ รธน. ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม
แถลงการณ์ของทีมงานด้านข่าวสาร มิลิทารี ทรู นิวส์ อินฟอร์เมชัน ทีม ระบุวันนี้ว่า ทางการเมียนมาจับยึดยาเสพติดออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทเกือบ 500,000 เม็ดในเมืองท่าขี้เหล็กของรัฐฉาน
สำนักข่าวไทย 25 ก.ย.- PEA update 3 ฟังก์ชันใหม่อำนวยความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการต่างๆผ่านโทรศัพท์มือถือ Smart Phone แอปพลิเคชัน PEA Smart Plus ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำนวยความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ Smart Phone เช่น คำนวณค่าไฟฟ้า, ชำระค่าไฟฟ้า, แจ้งไฟฟ้าขัดข้อง และอื่นๆ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้มีการพัฒนา 3 ฟังก์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน PEA Smart Plus 1. รองรับผู้ใช้งานชาวต่างชาติ โดย Click Switch to International เพื่อระบุหมายเลขหนังสือเดินทางและหมายเลขโทรศัพท์ 2. ผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่ระบบด้วย PIN, FACE ID และ Fingerprint 3. สามารถดาวน์โหลดใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-TAX) ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PEA Smart Plus ได้ที่ App […]
กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-มิว สเปซ เปิดแผนดันไทยสู่อุตสาหกรรมอวกาศ นายเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทด้านอุตสาหกรรมดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศบริษัทมิวสเปซ ผู้ให้บริการดาวเทียมสื่อสาร กล่าวว่า เป้าหมายหลักของมิวสเปซ คือการพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์เพื่อนำประเทศไทยมุ่งสู่ธุรกิจทางด้านอุตสาหกรรมอวกาศ อย่างเช่น โครงการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ (Autonomous Robot) เพื่อใช้ในภารกิจทางด้านอวกาศในอนาคตอันใกล้ มิว สเปซ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะสามารถสนับสนุนการค้นหาทรัพยากร ประกอบกับการนำไปพัฒนาต่อยอดด้านการสื่อสารดาวเทียมให้มีคุณภาพสูงแต่มีค่าใช้จ่ายต่ำ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกรูปแบบและสอดคล้องกับความต้องการในตลาดอย่างลงตัว รวมทั้งเป็นการสร้างงาน สร้างโอกาส ขยายตลาดแรงงานทักษะสูง ตลอดจนถึงบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถ ในการยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศของไทยสู่นานาชาติ สำหรับไฮไลท์ในการเปิดตัวนี้ คือ แผนการสร้าง Spaceship หรือพาหนะทางอวกาศขนาดเล็กลำแรกของไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การสร้าง Data Center นอกชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งสามารถลดปัญหาสำคัญของการสร้างศูนย์เก็บข้อมูล เช่น การควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการปฏิบัติการของระบบภายใต้สภาวะอุณหภูมิต่ำ ซึ่งใช้ปริมาณมากถึงร้อยละ 40 ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด การนำ Data Center ออกไปยังสภาวะอวกาศที่เย็นกว่า -270 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถกำจัดเรื่องของอุณหภูมิไปได้อย่างมาก รวมถึงการใช้พลังงานบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่พึ่งพาพลังงานจากโลก โดย Spaceship จะโคจรค้างฟ้า และรับพลังงานจากแสงอาทิตย์บริเวณใต้ท้องตลอดเวลา จึงสามารถปฏิบัติงานด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพลังงานจากโลก และมีความปลอดภัย โดยทำให้ spaceship ที่ลอยค้างฟ้าและเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย constellation มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นบนโลก เช่น ไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม ยิ่งไปกว่านั้น การเชื่อมต่อกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งโลก จะทำให้การเชื่อมต่อมีความลื่นไหลเข้าถึงได้ทุกมุมโลก ในเดือนสิงหาคมที่ผ่าน มิว สเปซ ได้มีการทดสอบวัสดุที่เหมาะสมต่อการนำมาสร้าง โดยทดสอบความแข็งแรงของวัสดุ จากการจำลองกระสุนปืนชนิดพิเศษ ที่มีความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วของเศษขยะอวกาศ อยู่ที่ความเร็วมากกว่า 1,100 m/s ทั้งนี้ ผลทดสอบพบว่า ผ่านมาตรฐานการป้องกันกระสุนในระดับ 3 และมิวสเปซ ได้เตรียมสร้างโรงงานขนาดกลางภายในปลายปีนี้ เพื่อให้สามารถเริ่มผลิต Spaceship อย่างเต็มรูปแบบในปี 2021 ประธานมิวสเปซ กล่าวอีกว่า ด้วยเทคโนโลยีของคนไทยที่ได้มาตรฐานสากล โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยดาวเทียมสู่วงโคจรภายในปี 2024 เพื่อให้มิวสเปซเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมต่างชาติแห่งแรกของไทย เมื่อมีการเปิดเสรีดาวเทียม ดาวเทียมวงโคจรต่ำ หรือ LEO Satellite จะเป็นประโยชน์และมีความสำคัญอย่างมากต่อระบบการสื่อสารในอนาคต อีกทั้ง ยังเป็นการยกระดับเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีศักยภาพทัดเทียมกับนานาชาติ รวมไปถึงการรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ 5G, Cloud storage, Online Transaction และความปลอดภัยในการทำธุรกิจต่าง ๆ ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มั่นใจว่า มิว สเปซ คือทางเลือกใหม่ของคนไทยที่จะสามารถพัฒนารูปแบบการให้บริการในทิศทางใหม่ๆ ได้อย่างตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างทั่วถึงพร้อมช่วยทำให้การรับส่งสัญญาณมีประสิทธิภาพและเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย
รัฐสภา 25 ก.ย. – นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร รู้สึกไม่สบายใจ ที่เห็นในโซเซียลมีเดียติดแฮชแท็ก และใช้ถ้อยคำไม่สุภาพต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และขอตำหนิการกระทำเหล่านั้น และว่า ก่อนหน้านี้ได้มีผู้นำเสนอมาตรการรับม็อบต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการใช้มาตรการที่ค่อนข้างจะเด็ดขาดและแรง แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เตือนสติ ว่าพวกเขาเหล่านั้นคือประชาชน และเป็นลูกหลานของพวกเรา ขอให้ใช้วิธีละมุนละม่อม จากเบาไปหาหนัก “ขอเตือนว่า วันหนึ่งพวกคุณอาจจะโดนแบบนี้บ้าง รวมทั้ง พ่อแม่ของพวกคุณด้วย ถ้าพวกเรายังปล่อยให้สังคมเป็นอยู่แบบนี้ และขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า ประธานชวนดำเนินการประชุมด้วยความเป็นกลาง ยึดหลักรัฐธรรมนูญและข้อบังคับอย่างเคร่งครัด รวมทั้ง ข้อบังคับจริยธรรมด้วย มติทุกอย่างของที่ประชุม เมื่อวานนี้ ก็เป็นความคิดของที่ประชุม ไม่ใช่ของท่าน ท่านเพียงแค่ควบคุมการประชุมให้ราบรื่นเท่านั้น ซึ่งบางครั้งก็ต้องใช้ความเด็ดขาด ดังนั้น พวกคุณจะพอใจหรือไม่พอใจอย่างไร ก็ไปพูดกับ ส.ส.และ ส.ว.ของพวกคุณ อย่ามากล่าวหาท่าน เพราะท่านปฏิบัติตามหน้าที่ของประธานสภา ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ รวมทั้งข้อบังคับจริยธรรมด้วย อย่างน้อยเมื่อได้ฟังผมแล้ว พวกคุณจะได้สำนึกว่า ท่านคือผู้ที่ห่วงต่อความปลอดภัยของพวกคุณ” นพ.สุกิจ กล่าว .- สำนักข่าวไทย
กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-“ชัยวุฒิ” แจงเหตุตั้ง กมธ.ศึกษาร่าง รธน. เพราะไม่อยากให้ รธน.ตก หลังพบ ส.ว.ไม่เห็นด้วยกับการแก้ รธน. ยืนยันไม่ได้ซื้อเวลา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และเลขานุการวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาญัตติร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ ว่า เหตุที่วิปรัฐบาลต้องตัดสินใจแต่งตั้ง กมธ.ขึ้นมาศึกษา ไม่ได้เพราะต้องการซื้อเวลา แต่เราอยากแก้รัฐธรรมนูญโดยจากการประเมินสถานการณ์การอภิปรายของ ส.ว.เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา พบว่าไม่มี ส.ว.คนใดเห็นด้วยกับญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมีการลงมติ น่าจะได้เสียงจาก ส.ว.ไม่ถึง 84 เสียง และไม่น่าจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ทำให้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไป นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ มี ส.ว.หลายคนแสดงความเห็นว่ายินดีจะให้ความเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ส.ส.มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร ดังนั้นประธานวิปรัฐบาล และวิป ส.ว.จึงมีการพูดคุยกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะไม่อยากให้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไป จึงได้ข้อสรุปว่าอยากให้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน และดูว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นอะไร จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรบ้าง ดังนั้นทางออกทางเดียว […]
มีผู้เสนอชื่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีหน้า
กรมทรัพยากรธรณี โชว์ความพร้อมพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาพุนพิน แหล่งรวบรวมความรู้ทางธรณีวิทยาในภาคใต้ของไทย ตั้งเป้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้สิ่งปิดสถานบันเทิงยามค่ำคืนนอกเขตเมืองหลวงเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำต้องแก้รัฐธรรมนูญ เปิดช่องตั้ง ส.ส.ร.“อนุทิน” ลั่นเป็นเอกสิทธิ ส.ส. ไม่ขอผูกพันมติวิปรัฐบาล พร้อมโหวตรับหลักการ หลังตั้ง กมธ.ศึกษา 30 วัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ก่อนการลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมหารือกันและมีข้อสรุปว่า ไม่ว่าผลการศึกษาจะออกมาอย่างไร เมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับเข้ามาสู่การประชุมร่วมรัฐสภาในสมัยประชุมหน้า ส.ส.พรรคภูมิใจไทยทุกคนจะลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้ร่วมลงชื่อเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ การแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 “ไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่เราจะไม่เห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เราร่วมลงชื่อเสนอเอง เมื่อวานนี้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยลงมติด้วยความไม่สบายใจ เนื่องจากไม่ได้รับทราบมาก่อนว่าจะมีแนวทางเช่นนี้ แต่มีคำอธิบายว่าเป็นแนวทางสายกลางที่จะนำไปสู่เป้าหมายคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่ประชาชนต้องการได้ และเมื่อวานนี้ เราถอยถึงที่สุดแล้ว ระยะเวลา 30 วันที่คณะกรรมาธิการฯ จะทำการศึกษา พรรคภูมิใจไทยขอยืนยันหลักการให้มีการแก้ไขมาตรา 256 […]
“วิรัช” เผย กมธ.ศึกษาร่างแก้ไข รธน. ประชุมนัดแรก 30 ก.ย. เร่งหาจุดร่วมตามกรอบเวลา 30 วัน ไม่หวั่นเพิ่มอุณหภูมิทางการเมือง
คณะผู้จัดงานเทศกาลคาร์นิวัลรีโอเดจาเนโรในบราซิลประกาศเลื่อนการจัดงานในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019