ผู้นำยูเครนเผยยึดพื้นที่คืนจากรัสเซียได้กว่า 6,000 ตร.กม.

เคียฟ 13 ก.ย. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า กองทัพยูเครนได้ยึดพื้นที่บางส่วนทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนคืนจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตรในเดือนนี้จากปฏิบัติการโต้กลับอย่างรวดเร็วต่อรัสเซีย ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวผ่านคลิปวิดีโอเมื่อคืนวันจันทร์ว่า กองทัพยูเครนได้ยึดพื้นที่บางส่วนทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนคืนจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตรนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนนี้ และจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการดังกล่าวต่อไป ผู้นำยูเครนยังกล่าวขอบคุณทหารยูเครนจำนวนมากที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการโต้กลับรัสเซียในครั้งนี้ และกล่าวยกย่องทหารเหล่านี้ว่าเป็นวีรบุรุษตัวจริง อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีเซเลนสกีไม่ได้เปิดเผยว่ายูเครนยึดเมืองหรือชุมชนใดคืนจากรัสเซียได้ ทั้งนี้ ปฏิบัติการโต้กลับรัสเซียของยูเครนมีแนวโน้มรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้นำยูเครนเพิ่งประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนว่า กองทัพยูเครนยึดพื้นที่คืนจากรัสเซียได้ 1,000 ตารางกิโลเมตร ก่อนเพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 3,000 ตารางกิโลเมตรเมื่อวันอาทิตย์ และเพิ่มเป็น 6,000 ตารางกิโลเมตรในวันจันทร์ ก่อนหน้านี้ กองทัพรัสเซียยอมรับว่า รัสเซียจำเป็นต้องถอนกำลังออกจากหลายเมืองสำคัญ ได้แก่ เมืองบาลากลียา เมืองอิซูม และเมืองคูเปียนสก์ในแคว้นคาร์คีฟ จนทำให้รัสเซียยึดครองพื้นที่เหลือเพียงไม่มากในพื้นที่ตะวันออกของยูเครน อย่างไรก็ดี นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ได้ออกมาเน้นย้ำว่ารัสเซียจะยังคงใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และกำลังเดินหน้าโจมตีหลายพื้นที่ที่ถูกยูเครนยึดคืนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

เจ้าชายแฮร์รีเผยแถลงการณ์หลังควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต

ลอนดอน 12 ก.ย. – เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกส์และพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นดั่งเข็มทิศนำชีวิตของพระองค์ เจ้าชายแฮร์รีทรงระบุในแถลงการณ์ไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ว่า พระองค์ทรงรู้สึกซาบซึ้งใจตั้งแต่ที่ทรงได้พบกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อครั้งที่พระองค์ยังทรงเยาว์วัย จวบจนกระทั่งวันที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงได้พบกับเมแกน พระชายา และทรงกอดพระราชปนัดดา เจ้าชายแฮร์รี่ยังทรงระบุว่า พระองค์ทรงทะนุถนอมความทรงจำที่มีร่วมกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 รวมถึงช่วงเวลาพิเศษมากมายร่วมกัน ไม่ได้มีเพียงสมาชิกราชวงศ์อังกฤษเท่านั้นที่จะรำลึกถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แต่ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากทั่วโลกเช่นกัน พระองค์ทรงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญมาโดยตลอด รวมทั้งคำแนะนำที่เป็นเหตุเป็นผล และรอยแย้มพระสรวลที่ทรงส่งต่อให้แก่ผู้อื่น ขณะนี้ สมาชิกราชวงศ์อังกฤษก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นกันเมื่อทราบว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จฯ ไปอยู่กับเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อปีก่อนอย่างสงบ นอกจากนี้ เจ้าชายแฮร์รียังทรงกล่าวยกย่องสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระราชบิดา ที่เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระประมุขแห่งอังกฤษต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อีกด้วย.- สำนักข่าวไทย

“สี จิ้นผิง” จะเดินทางเยือนเอเชียกลาง 14-16 ก.ย.

ปักกิ่ง 12 ก.ย. – กระทรวงต่างประเทศจีน เผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะเดินทางเยือนคาซัคสถานและอุซเบกิสถานระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน แต่ไม่ได้ระบุว่าประธานาธิบดีสีจะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียหรือไม่ กระทรวงต่างประเทศจีนระบุวันนี้ว่า ประธานาธิบดีสีจะเดินทางเยือนคาซัคสถานและอุซเบกิสถานระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำจีน นับตั้งแต่จีนใช้มาตรการปิดพรมแดนเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ประธานาธิบดีสีจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่นครซามาร์กันต์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอุซเบกิสถาน โดยจะพบกับประธานาธิบดีชัฟคัต มีร์ซีโยเยฟ ของอุซเบกิสถานและประธานาธิบดีคาซีม-โยมาร์ต โตคาเยฟ ของอุซเบกิสถาน อย่างไรก็ดี กระทรวงต่างประเทศจีนไม่ได้ระบุว่า ประธานาธิบดีสีจะพบกับประธานาธิบดีปูตินหรือไม่ การเดินทางเยือนคาซัคสถานและอุซเบกิสถานของประธานาธิบดีสีสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ของจีนกับประเทศในภูมิภาคเอเชียกลางในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกลุ่มชาติตะวันตกทวีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากการเป็นพันธมิตรแบบไร้ขีดจำกัดกับรัสเซีย ซึ่งเปิดฉากบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามในเดือนสิงหาคมว่า ประธานาธิบดีสีกำลังพิจารณาเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียกลางเพื่อพบกับประธานาธิบดีปูตินและผู้นำประเทศอื่น ๆ ที่งานประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ การประชุมนี้เริ่มขึ้นในปี 2544 เพื่อรับมือกับแนวคิดสุดโต่งด้านศาสนาอิสลามและความกังวลด้านความมั่นคงอื่น ๆ ในภูมิภาค ประกอบด้วยจีน รัสเซีย และ 4 สาธารณรัฐในเอเชียกลาง (คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน คีร์กิซสถาน และทาจิกิสถาน) ต่อมาอินเดียและปากีสถานเข้าร่วมในปี […]

แฟนเก่า “มัสก์” เปิดประมูลภาพคบกันสมัยมหาวิทยาลัย

วอชิงตัน 12 ก.ย. – เจนนิเฟอร์ กวินน์ แฟนเก่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเทสลา บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดัง ประกาศขายภาพถ่ายที่เป็นความทรงจำของทั้งคู่ในช่วงที่คบกันในมหาวิทยาลัยผ่านเว็บไซต์ประมูลแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากผู้ประมูลอย่างมาก เจนนิเฟอร์ กวินน์ ซึ่งเคยคบหากับมัสก์ในสมัยที่ทั้งคู่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียของสหรัฐ ได้นำภาพถ่ายที่เป็นความทรงจำของทั้งคู่มาขายผ่านเว็บไซต์อาร์อาร์ ออคชั่น (RR Auction) แพลตฟอร์มประมูลออนไลน์ชื่อดัง ภาพถ่ายเหล่านี้เป็นภาพแห่งความทรงจำสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของมัสก์และกวินน์ เช่น ภาพบัตรอวยพรวันเกิดที่มีลายมือของมัสก์และภาพสร้อยคอทองคำที่มัสก์มอบให้กวินน์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐรายงานว่า ภาพบัตรอวยพรวันเกิดที่มัสก์เขียนให้กวินน์พร้อมข้อความว่า ‘ด้วยรักจากอีลอน’ (Love, Elon) มีราคาประมูลสูงกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 363,000 บาท) และมีผู้ร่วมประมูลภาพนี้ถึง 23 ครั้ง นับถึงคืนวันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐ ส่วนภาพถ่ายที่ได้รับความสนใจรองลงมาคือ ภาพสร้อยคอทองคำที่มีจี้มรกตจากเหมืองในประเทศแซมเบีย ซึ่งเออร์รัล มัสก์ บิดาชาวแอฟริกาใต้ของมัสก์เป็นเจ้าของ นอกจากนี้ ยังมีภาพถ่ายที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอีกหลายภาพ เช่น รูปมัสก์ในวัยหนุ่มที่กำลังเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ มัสก์ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยในหอพักของมหาวิทยาลัย และมัสก์กอดกับกวินน์ ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ดิอินดิเพนเดนต์ของอังกฤษรายงานว่า […]

นิวซีแลนด์ยกเลิกมาตรการคุมโควิดเกือบทั้งหมดแล้ว

เวลลิงตัน 12 ก.ย. – นิวซีแลนด์ประกาศยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในอาคารและคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในบางตำแหน่งงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนไปใช้แนวทางอยู่ร่วมกับเชื้อโควิด นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ กล่าวที่งานแถลงข่าวในกรุงเวลลิงตันวันนี้ว่า ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้เป็นต้นไป ชาวนิวซีแลนด์ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยในทุกสถานที่ ยกเว้นสถานบริการด้านสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลและสถานดูแลผู้สูงอายุ นอกจากนี้ รัฐบาลจะยกเลิกข้อกำหนดที่ใช้วัดระดับความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในชุมชนและข้อจำกัดเพื่อควบคุมโรคโควิด ผู้นำนิวซีแลนด์ยังระบุว่า ตอนนี้นิวซีแลนด์อยู่ในสถานะพร้อมยกเลิกข้อจำกัดควบคุมโรคที่เหลืออยู่ เนื่องจากพบยอดผู้ป่วยโควิดและผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงในขณะที่ฤดูหนาวใกล้สิ้นสุด รวมถึงมีอัตราฉีดวัคซีนโควิดอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจบางประเภทอาจกำหนดให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยได้ และเป็นหน้าที่ของเจ้าของธุรกิจที่จะตัดสินใจว่าจะบังคับให้พนักงานฉีดวัคซีนโควิดหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลนิวซีแลนด์จะยกเลิกคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนโควิดในวันที่ 26 กันยายน ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมายังนิวซีแลนด์ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิดหรือแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดอีกต่อไป ยกเว้นผู้ที่มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลา 7 วัน ขณะที่ผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดทุกวัน ขณะนี้ นิวซีแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.76 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,800 คน. -สำนักข่าวไทย

คาดไต้ฝุ่น “หมุ่ยฟ้า” เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งนครเซี่ยงไฮ้วันพุธ

จีนซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งตู้สินค้ารายใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชีย อาจเผชิญกับพายุใหญ่อีกลูก เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นหมุ่ยฟ้ากำลังมุ่งหน้าสู่นครเซี่ยงไฮ้บนชายฝั่งตะวันออกของจีนในวันพุธนี้

นายกฯ ออสเตรเลียชี้ยังไม่เหมาะพูดเรื่องแยกตัวจากอังกฤษ

แคนเบอร์รา 12 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการเปิดลงประชามติให้ออสเตรเลียเป็นสาธารณรัฐและแยกตัวออกจากประเทศในเครือจักรภพของอังกฤษ แต่ระบุว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม เนื่องจากอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ต่อการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซีกล่าวในรายการ ‘เอบีซี นิวส์ เบรกฟาสต์’ ของออสเตรเลียหลังถูกถามว่าจะเปิดลงประชามติให้ออสเตรเลียเป็นสาธารณรัฐหากเขาชนะการเลือกตั้งสมัยหน้าหรือไม่ว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะพูดถึงประเด็นนี้ แต่สิ่งที่พึงกระทำในตอนนี้คือการไว้ทุกข์ต่อการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทั้งยังระบุว่า นโยบายที่เขาผลักดันให้เกิดขึ้นขณะที่ดำรงตำแหน่งในสมัยนี้ก็คือ การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญของออสเตรเลียให้ยอมรับการมีอยู่ของชนพื้นเมืองออสเตรเลีย โดยมองว่าประเด็นนี้ควรสำเร็จก่อนเรื่องการเปลี่ยนประมุขของประเทศ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซี และนายเดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการเครือรัฐออสเตรเลีย จะเดินทางไปยังกรุงลอนดอนของอังกฤษในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวันที่ 19 กันยายน ก่อนเดินทางกลับออสเตรเลียในวันที่ 21 กันยายน. -สำนักข่าวไทย

เผยอินโดนีเซียกำลังชั่งใจซื้อน้ำมันจากรัสเซีย

จาการ์ตา 12 ก.ย. – ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กำลังพิจารณาซื้อน้ำมันจากรัสเซียเช่นเดียวกับอินเดียและจีน เพื่อบรรเทาแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาต้นทุนด้านพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ประธานาธิบดีวิโดโดกล่าวกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สของอังกฤษหลังถูกถามเรื่องอินโดนีเซียจะซื้อน้ำมันจากรัสเซียหรือไม่ว่า อินโดนีเซียกำลังพิจารณาตัวเลือกทั้งหมดอยู่ในตอนนี้ หากประเทศใดประเทศหนึ่งเสนอขายน้ำมันราคาดี อินโดนีเซียก็จะซื้อน้ำมันจากประเทศนั้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ประธานาธิบดีวิโดโดได้ตัดสินใจปรับขึ้นราคาน้ำมันร้อยละ 30 เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โดยให้เหตุผลว่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เนื่องจากอินโดนีเซียกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านการคลัง  จนทำให้เกิดเหตุชุมนุมประท้วงขึ้นหลายแห่งในอินโดนีเซีย ก่อนหน้านี้ นายซานดิอากา อูโน รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย เผยในเดือนสิงหาคมว่า รัสเซียได้เสนอขายน้ำมันในราคาที่ถูกลงร้อยละ 30 ให้แก่อินโดนีเซีย จนทำให้เปอร์ตามินา (Pertamina) รัฐวิสาหกิจน้ำมันของอินโดนีเซีย ออกมาระบุว่ากำลังพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการซื้อน้ำมันรัสเซีย ทั้งนี้ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีประชากรราว 270 ล้านคน มีอัตราเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 4.69 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ที่ธนาคารกลางอินโดนีเซียประเมินไว้ที่ร้อยละ 2-4 และสูงกว่าคาดการณ์เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน เนื่องจากปัญหาราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น. -สำนักข่าวไทย

“ช้อปปี้” ประกาศปิดสำนักงานในลาตินอเมริกา

สิงคโปร์ 9 ก.ย. – ซี (Sea) บริษัทแม่ของช้อปปี้ (Shopee) บริษัทธุรกิจอี-คอมเมิร์ซชื่อดัง ประกาศแจ้งพนักงานในวันพฤหัสบดีว่าจะปิดสำนักงานในประเทศชิลี โคลัมเบีย เม็กซิโก และปิดธุรกิจในอาร์เจนตินา ทั้งหมด สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแถลงการณ์จากช้อปปี้ว่า ช้อปปี้จะปิดสำนักงานในชิลี โคลัมเบีย และเม็กซิโก แต่จะยังคงดำเนินธุรกิจในประเทศเหล่านี้จากสำนักงานในต่างประเทศ แต่จะปิดธุรกิจในอาร์เจนตินา รอยเตอร์สยังรายงานอ้างอีเมลที่ส่งถึงพนักงานของช้อปปี้ว่า นายคริส เฟิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของช้อปปี้ ระบุว่า บริษัทจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับทรัพยากรของตลาดที่สำคัญ และได้ตัดสินใจปิดสำนักงานในเม็กซิโก โคลัมเบีย และชิลี ภูมิภาคลาตินอเมริกาถือเป็นตลาดสำคัญของช้อปปี้ รองจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสร้างผลกำไรได้ร้อยละ 19 ในปี 2564 ก่อนหน้านี้ช้อปปี้เพิ่งประกาศเข้าไปเปิดธุรกิจในเม็กซิโก ชิลี และโคลัมเบีย เมื่อปีก่อน หลังจากบุกตลาดบราซิลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษแจ้งกำหนดไว้ทุกข์ควีนเอลิซาเบธสวรรคต

ลอนดอน 9 ก.ย. – สำนักพระราชวังบักกิงแฮมประกาศว่า ราชวงศ์อังกฤษจะไว้ทุกข์ต่อการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีศพแล้วเป็นเวลา 7 วัน แต่ยังไม่ได้เปิดเผยกำหนดจัดพระราชพิธีพระบรมศพ สำนักพระราชวังบักกิงแฮมระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชประสงค์ให้สมาชิกราชวงศ์อังกฤษไว้ทุกข์ต่อการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีศพเป็นเวลา 7 วัน ทั้งยังระบุว่า อังกฤษจะยิงสลุต 96 นัด เพื่อไว้อาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วยพระชนมพรรษา 96 พรรษา ในเวลา 13.00 น. ของวันนี้ตามเวลาในอังกฤษ หรือตรงกับเวลา 19.00 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ดี สำนักพระราชวังบักกิงแฮมยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวันที่จะจัดพระราชพิธีพระบรมศพ แต่มีการคาดกันว่าน่าจะจัดพระราชพิธีนี้หลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตครบ 11 วัน นอกจากนี้ พระตำหนักต่าง ๆ ของสมาชิกราชวงศ์อังกฤษจะลดธงครึ่งเสาไปจนถึงช่วงเช้าวันใหม่หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีศพเป็นเวลา 7 วัน และอนุญาตให้ประชาชนวางดอกไม้ไว้อาลัยที่ด้านนอกพระราชวังได้ โดยที่แถลงการณ์ไว้ทุกข์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮมจะมีผลบังคับใช้ต่อสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง และตัวแทนของสำนักพระราชวังที่เดินทางไปปฏิบัติกรณียกิจอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษประกาศแนวทางอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการไว้ทุกข์ ซึ่งครอบคลุมแนวทางของชักธงชาติ ข้อมูลเรื่องการท่องเที่ยวและเรื่องอื่น […]

ยูเครนอ้างยึดพื้นที่หลายสิบแห่งคืนจากรัสเซียได้แล้ว

เคียฟ 9 ก.ย. – ยูเครนระบุว่า กองทัพยูเครนได้ใช้ปฏิบัติการทหารที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบเข้าไปยึดพื้นที่ทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนคืนจากรัสเซียได้สำเร็จ ขณะที่สหรัฐประกาศมอบเงินช่วยเหลือด้านทหารแก่ยูเครนและพันธมิตรครั้งใหม่ราว 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 98,000 ล้านบาท) ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวผ่านคลิปวิดีโอเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า กองทัพยูเครนสามารถยึดดินแดนกว่าสิบแห่งทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนคืนจากรัสเซียได้สำเร็จ โดยคิดเป็นพื้นที่ราว 1,000 ตารางกิโลเมตรนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนยังได้โพสต์คลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นภาพทหารยูเครนระบุว่าสามารถยึดพื้นที่เมืองบาลากลียา ทางตะวันออกของยูเครน และตั้งอยู่ใกล้เมืองคาร์คีฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน คืนจากรัสเซียได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี นายวิทาลี กานเชฟ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่รัสเซียหนุนหลัง กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ของทางการรัสเซียว่า กองทัพรัสเซียได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังจนทำให้ยูเครนไม่อาจปิดล้อมและยึดเมืองบาลากลียา ซึ่งเขาอ้างว่ายังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย ในขณะเดียวกัน นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ประกาศในงานประชุมรัฐมนตรีกลาโหมที่ฐานทัพอากาศแรมชไตน์ของสหรัฐในเยอรมนีว่า สหรัฐจะมอบเงินช่วยเหลือยูเครนและพันธมิตรครั้งใหม่ 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่า 675 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 22,600 ล้านบาท) ให้แก่ยูเครนเพื่อนำไปป้องกันการรุกรานของรัสเซีย เช่น ปืนใหญ่วิถีโค้ง ยุทโธปกรณ์ ยานยนต์ขับเคลื่อนฮัมวี่ (Humvee) รถพยาบาลกันกระสุน […]

ยูเอ็นวอนทั่วโลกช่วยปากีสถานเรื่องน้ำท่วมใหญ่

อิสลามาบัด 9 ก.ย. – นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เรียกร้องทั่วโลกให้เร่งช่วยเหลือเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปากีสถาน ในระหว่างที่เขาปฏิบัติภารกิจเยือนปากีสถานเป็นเวลา 2 วันเพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือจากภัยพิบัติน้ำท่วมรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,391 คน นายกูเตอร์เรสกล่าวในขณะที่เดินทางถึงปากีสถานในวันนี้ว่า เขาขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกเร่งส่งความช่วยเหลือมายังปากีสถาน เนื่องจากภัยพิบัติน้ำท่วมในครั้งนี้เป็นผลมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่นางมารียัม ออรังเซบ รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศของปากีสถาน กล่าวว่า การเดินทางเยือนปากีสถานของนายกูเตอร์เรสจะทำให้ทั่วโลกทราบถึงความเสียหายรุนแรงในปากีสถานที่เกิดจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทั้งนี้ นายกูเตอร์เรสมีกำหนดพบปะกับนายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ของปากีสถาน และจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ก่อนหน้านี้ ยูเอ็นได้ประกาศมอบเงินช่วยเหลือปากีสถาน 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,800 ล้านบาท) เพื่อฟื้นฟูภัยพิบัติน้ำท่วม แต่รัฐบาลปากีสถานประเมินในขั้นต้นว่า เหตุน้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 363,400 ล้านบาท) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เหตุฝนตกหนักและธารน้ำแข็งละลายในเทือกเขาทางตอนเหนือทำให้ปากีสถานเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ทำลายบ้านเรือน ถนน รางรถไฟ สะพาน โรงปศุสัตว์ และพื้นที่เกษตรเป็นจำนวนมาก รวมถึงทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,391 คน ขณะที่ข้อมูลของรัฐบาลปากีสถานระบุว่า มีประชาชนเกือบ 33 […]

1 46 47 48 49 50 315