ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นอีก 20 สตางค์ แตะ 3.80 บาท

กรุงเทพฯ 28 เม.ย. – เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกาศปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอีก 20 สตางค์ โดยเป็นการขยับราคาห่างจากรอบที่แล้วไม่ถึง 2 สัปดาห์ สาเหตุเพราะช่วงนี้อากาศร้อนยิ่งขึ้นอีก ปริมาณไข่ไก่ลดและขนาดฟองเล็กลง ประกอบกับสงครามในต่างประเทศ ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ วอนผู้บริโภคเข้าใจและขออย่าตกใจ ปริมาณไข่ไก่แม้น้อยลง 5-10% แต่ยังเพียงพอบริโภค


เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกอบด้วย สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ออกประกาศแจ้งสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ปรับราคาไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกรขึ้นอีกฟองละ 20 สตางค์ หรือแผงละ 6 บาท ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (29 เมษายน 2567) เป็นต้นไป ส่งให้ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มปรับจากฟองละ 3.60 บาท เป็น 3.80 บาท หรือแผงละ 114.00 บาท

การปรับราคาขึ้นครั้งนี้ เป็นการปรับห่างจากครั้งก่อนหน้าเพียง 12 วัน โดยครั้งที่แล้ว ปรับขึ้นจากฟองละ 3.40 บาท เป็น 3.60 บาท หรือแผงละ 108.00 บาท เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567


 สำหรับราคาไข่ไก่ตามขนาดของวันนี้ (28 เมษายน 2567) มีดังนี้

  • ไข่ไก่ เบอร์ 0 ราคา 4.10 บาท/ฟอง ราคา 123.00 บาท/แผง
  • ไข่ไก่ เบอร์ 1 ราคา 3.90 บาท/ฟอง ราคา 117.00 บาท/แผง
  • ไข่ไก่ เบอร์ 2 ราคา 3.70 บาท/ฟอง ราคา 111.00 บาท/แผง
  • ไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคา 3.60 บาท/ฟอง ราคา 108.00 บาท/แผง
  • ไข่ไก่ เบอร์ 4 ราคา 3.50 บาท/ฟอง ราคา 105.00 บาท/แผง
  • ไข่ไก่ เบอร์ 5 ราคา 3.40 บาท/ฟอง ราคา 102.00 บาท/แผง
  • ไข่ไก่ เบอร์ 6 ราคา 3.30 บาท/ฟอง ราคา 99.00 บาท/แผง

โดยราคาใหม่ที่ปรับขึ้นอีกฟองละ 20 สตางค์ จะเริ่มพรุ่งนี้

นายชาณุวัฒณ์ สิวะโมกข์ รองเลขานุการสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ระยะนี้อากาศร้อนยิ่งขึ้น ประกอบกับน้ำน้อยลง สภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลให้แม่ไก่มีความเครียด จึงออกไข่น้อยลงและขนาดฟองเล็กลง เกษตรกรรายย่อยต้องลงทุนเพิ่ม ด้วยการซื้อน้ำมาให้แม่ไก่กิน และใช้น้ำฉีดพ่นละอองบนหลังคาโรงเรือนแบบเปิด เพื่อลดความร้อน ส่วนโรงเรือนปิดแบบอีแวป ต้องเปิดระบบทำความเย็นที่ต้องใช้น้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น


นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ยังประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ไทยต้องนำเข้าปรับตัวสูงขึ้น จากภาวะสงครามในต่างประเทศ แม้ภาครัฐแจ้งว่าไม่กระทบไทย แต่ขณะนี้ได้รับแจ้งถึงราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มแล้ว

รองเลขานุการสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ คาดการณ์ว่า ปริมาณไข่ไก่ในตลาดลดลงประมาณ 5-10% แต่ฟาร์มขนาดเล็กหรือฟาร์มที่มีระบบจัดการไม่ดีอาจจะถึง 20% ส่วนฟาร์มที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระจะยิ่งกระทบรุนแรง ขณะนี้ผู้เลี้ยงรายย่อยบางรายเริ่มปลดแม่ไก่ออก เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว

สำหรับการปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มครั้งนี้ จะทำให้ราคากลับไปเท่าราคาเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 ที่เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ได้ปรับขึ้นราคาไข่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร จาก 3.50 บาท มาอยู่ที่ฟองละ 3.80 บาท โดยปรับขึ้น 30 สตางค์ หรือแผงละ 9 บาท

จากนั้นวันที่ 15 มกราคม 2567 เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกาศปรับลดราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร จากฟองละ 3.80 บาท มาอยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท โดยปรับลงฟองละ 20 สตางค์ หรือแผงละ 6 บาท ต่อมาวันที่ 24 มกราคม 2567 เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ แจ้งราคาแนะนำไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร อยู่ที่ฟองละ 3.40 บาท โดยปรับลดลงอีกครั้ง จากราคาก่อนหน้านี้อยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท โดยปรับลดลง 20 สตางค์ หรือแผงละ 6 บาท แล้วคงราคาต่อเนื่อง

จนมีการปรับขึ้นเป็นฟองละ 3.60 บาท ในวันที่ 17 เมษายน หลังจากที่สภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลทั้งต่อปริมาณและขนาดของไข่ไก่ แล้วจะปรับขึ้นอีกครั้งวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.)

รองเลขานุการสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการบริโภคไข่ไก่เพิ่มขึ้น สวนทางกับปริมาณผลผลิต แต่ขอให้ประชาชนไม่ต้องตกใจ โดยปริมาณไข่ไก่ยังเพียงพอบริโภคและไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน ส่วนราคานั้น ผู้เลี้ยงจะประคับประคองไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นอีก แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของต้นทุน หากสภาพอากาศยังร้อนต่อเนื่อง ฝนมาช้า รวมถึงวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่อาจปรับเพิ่มจากภาวะสงครามในต่างประเทศ

ก่อนหน้านี้ สมาคมผู้เลี้ยงเป็ดไข่ ได้ประกาศปรับขึ้นราคาไข่เป็ดหน้าฟาร์มอีก 20 สตางค์เช่นกัน โดยปรับเมื่อวันที่ 22 เมษายน ทำให้ราคาปรับจาก 4.40 บาทต่อฟอง มาอยู่ที่ 4.60 บาทต่อฟอง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรมการค้าภายใน เชิญสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่มาร่วมประชุม โดยผู้แทนของทั้งสองสมาคมขอให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงสาเหตุปรับราคาขึ้น เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่อง เป็นปัญหาที่ถาโถมต่อเกษตรกร

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้เชิญผู้เลี้ยงสุกรและไก่ไข่มาหารือถึงแนวทางช่วยเหลือให้เกษตรกรอยู่รอด กรมการค้าภายใน ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาเนื้อหมูและไข่ไก่สักระยะ ทางผู้เลี้ยงขอให้ช่วยสนับสนุนด้านต้นทุน ซึ่งต้องหารือในรายละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ สภาพอากาศร้อนทำให้ผลผลิตทั้งหมูและไข่ลดลง โดยราคาหมูหน้าฟาร์มที่ปรับขึ้น เป็นราคาที่ยังไม่คุ้มทุนของผู้เลี้ยง เนื่องจากยังมีปริมาณผลผลิตส่วนเกินอยู่ถึง 8,000-10,000 ตัวต่อวัน กรมการค้าภายในได้เชื่อมโยงผลผลิตจากผู้เลี้ยง เพื่อช่วยเกษตรกรระบายสินค้า ผ่านงานธงฟ้าที่จัดทั่วประเทศ และผ่านรถโมบายธงฟ้า ดำเนินการมาแล้วกว่า 3 สัปดาห์ และจะทำจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนไข่ไก่ ผลผลิตภาพรวมไม่ได้ลดลง แต่ไข่ใบเล็กลง สัดส่วนเบอร์ 3 ถึงเบอร์ 5 มีถึง 50% จากปกติจะอยู่ที่ 30% ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกับผู้เลี้ยงในการช่วยระบายไข่ไก่เบอร์เล็ก รวมถึงจะเป็นแนวทางให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อไข่ไก่ในราคาถูกกว่าท้องตลาด

สำหรับสถานการณ์ราคาสินค้าสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาข้าวที่ขยับขึ้น คือ ข้าวเปลือกเจ้า เฉลี่ย 11,800 บาทต่อตัน จาก 11,550 บาทต่อตันในสัปดาห์ก่อนหน้า ข้าวเปลือกเหนียว เฉลี่ย 13,400 บาทต่อตัน จาก 13,300 บาทในสัปดาห์ก่อนหน้า และข้าวเปลือกปทุมธานี เฉลี่ยตันละ 14,800 บาท เป็นการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 14,740 บาท ส่วนชนิดอื่นยังทรงตัวระดับสูง ข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ยตันละ 14,850 บาท สูงสุดที่ตันละ 15,500 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เฉลี่ยตันละ 14,600 บาท สูงสุดตันละ 15,200 บาท

ขณะที่มันสำปะหลัง เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.20 บาท สูงสุด 3.40 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทรงตัวที่กิโลกรัมละ 9.43 บาท สูงสุด 9.60 บาท โดยราคาหน้าโรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ 10.10-10.20 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วนผลปาล์มน้ำมัน ลดลงเล็กน้อย เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.10 บาท สูงสุด 5.40 บาท สอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด เฉลี่ย 44.63 บาทต่อขวดลิตร ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ขวดละ 45.13 บาท

สำหรับราคาผักหลายชนิด แม้จะปรับตัวสูงขึ้นตามสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ผลผลิตเสียหายได้ง่าย แต่จากการติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมใช้กลไกการเชื่อมโยงจากแหล่งผลิตไปเติมยังจุดสินค้าให้มีเพิ่มมากขึ้นและมีราคาสูง รวมทั้งจำหน่ายผ่านรถโมบายธงฟ้าทุกวัน ในชุมชนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้แนวโน้มราคาเริ่มย่อลงแล้วเล็กน้อย โดยในตลาดกลางสำคัญ อย่าง “สี่มุมเมือง” ราคาผักชี ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 160 บาท จาก 180 บาท คะน้า จากกิโลกรัมละ 36 บาท ลดลงเหลือ 30 บาท กะหล่ำปลี จากกิโลกรัมละ 20 บาท เหลือ 16 บาท ผักกาดหอม จากกิโลกรัมละ 60 บาท เหลือ 55 บาท ผักบุ้งจีน ลดลง 1 บาท จากกิโลกรัมละ 16 บาท เหลือ 15 บาท แตงกวา จากกิโลกรัมละ 28 บาท เหลือ 22 บาท ถั่วฝักยาว จากกิโลกรัมละ 70 บาท เหลือ 64 บาท มะนาว เริ่มลดลงแล้ว จากลูกละ 5.30 บาท เหลือ 4.10 บาท

ทั้งนี้ หากในช่วงเดือนพฤษภาคม ฝนเริ่มตก จะทำให้สถานการณ์ราคาผักคลี่คลาย.-512-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

กู้ซากคานสะพานลอยคนข้ามพังถล่ม เปิดการจราจรแล้ว

23 ส.ค. – เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุคานสะพานลอยคนข้ามขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท พังถล่มลงมากีดขวางถนน สาย 317 จันทบุรี–สระแก้ว ล่าสุดกู้ซากคานสะพานลอย ออกจากถนน และเปิดการจราจรได้ตามปกติแล้ว เหตุคานสะพานลอยถล่ม บริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบ สภาพการจราจรติดขัด ตลอดช่วงสายและบ่าย เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ พยายามเร่งกู้ซากสะพานลอย ประสาน นำเครื่องจักรกลหนักทั้ง รถแบ็กโฮ 3 คัน รถแบ็กโฮหัวขุดเจาะ 2 คันและรถเครนใหญ่อีก 1 คัน ระดมลงพื้นที่เกิดเหตุ โดยบริษัทผู้รับเหมา ต้องใช้รถหัวขุดเจาะ 2 คัน ทำการขุดเจาะกระแทกแผ่นคอนกรีตให้แตก จนเหลือแต่เส้นเหล็กจากนั้นได้ใช้ชุดเชื่อมทำการใช้ไฟแก๊สตัดเหล็ก แยกชิ้นส่วนของคานคอนกรีตออก […]

ตามล่านักโทษชายหลบหนีเรือนจำนนทบุรี

นนทบุรี 23 ส.ค. – นักโทษเรือนจำนนทบุรีหลบหนี ขณะออกมาทำงานนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่พบชุดนักโทษ ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์ ช่วงบ่ายวันนี้ หลังตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับเเจ้งว่ามีนักโทษชายหลบหนีจากร้านหับเผย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตรวจสอบเบื้องต้นทราบชื่อ นช.อนุชิต อายุ 29 ปี เป็นผู้ต้องขังกองนอกประจำร้านหับเผย ของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ชุดที่หลบหนีสวมชุดสีส้มของเรือนจำ ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเรมเบสต้า สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร หลบหนี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบชุดที่นักโทษสวมใส่ถอดทิ้งไว้ใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ อยู่ระหว่างไล่ติดตาม สำหรับ นช.อนุชิต สุขสด ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ข้อหาพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด หลังจับกุม สภ.บางบัวทอง นำตัวส่งเรือนจำกลางจังหวัดนนทบุรี วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ศาลตัดสินโทษจำคุก 1 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ในวันที่ […]

ผบ.ทบ. ตรวจฐานภูมะเขือ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงาน

23 ส.ค.- ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ย้ำกำลังพลปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานการภูมะเขือ โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ผู้บัญชาการทหารทัพบก กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ -สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]