กรมอนามัย 19ก.ย.-กรมอนามัย จัดทีมอนามัยสิ่งแวดล้อมลงพื้นที่น้ำท่วม จังหวัดอุบลราชธานี แนะนำประชาชนที่ประสบภัยให้มีความเข้าใจในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมหลังน้ำลด ด้วยการทำความสะอาดบ้าน ลดปัญหาเชื้อราสะสม หวั่นส่งผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมซ่อมแซมส้วมที่ชำรุดเสียหาย และกำจัดแหล่งสะสมของยุง หนู แมลงสาบ ที่เป็นพาหะนำโรค
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัยได้ส่งทีมนักวิชาการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรง เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตนและจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมภายหลังน้ำลด ซึ่งเป็นความห่วงใยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(นายสาธิต ปิตุเตชะ)โดยเฉพาะพื้นที่ที่สถานการณ์น้ำท่วมกำลังกลับคืนสู่สภาวะปกติ ประชาชนควรเร่งทำความสะอาดบ้านเรือน และสถานที่สาธารณะต่างๆ รวมถึงสถานที่ผลิตและจำหน่ายอาหาร อาทิ ตลาดสด ร้านอาหาร มินิมาร์ท ที่ได้รับผลกระทบ เพราะในช่วงน้ำท่วมจะพัดพาสิ่งสกปรกมาจากทุกสารทิศ ทั้งโคลนตม ขยะ วัสดุ สิ่งของต่างๆ ส่งผลให้เกิดการหมักหมม อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดของโรคได้ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของประชาชน จึงต้องมีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยด้วยการรื้อและล้างให้สะอาดปลอดภัยตามหลักสุขาภิบาล เพราะหากปล่อยไว้นานจะกลายเป็นแหล่งสะสมและแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อราที่พบได้หลังน้ำลดตามบริเวณพื้น ฝาผนัง วอลล์เปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ ที่นอน หมอน พรม รวมถึงตู้แช่อาหาร ตู้เย็น จำเป็นต้องได้รับการรื้อและล้างทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน ส่วนตู้ไม้ที่ชำรุดเสียหายไม่สามารถใช้งานได้อีก ควรรวบรวมไว้ในแหล่งเดียวกันเพื่อรอการกำจัดจากหน่วยงานราชการต่อไป
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า ก่อนเข้าไปในบ้านต้องสำรวจตรวจสอบความเสียหายและมั่นใจว่าโครงสร้างของบ้านมีความมั่นคงแข็งแรง เมื่อเข้าไปแล้วให้เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทและลดกลิ่นเหม็นอับ ห้ามเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศขณะทำความสะอาดบ้านหรือขณะกำจัดเชื้อรา เพราะจะทำให้สปอร์เชื้อราฟุ้งกระจาย
นอกจากนี้ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในเครื่องใช้ เครื่องเรือน เครื่องนอน และเฟอร์นิเจอร์ เช่น ฟูกที่นอน หมอน พรม เป็นประจำ ด้วยการนำไปตากแดด ส่วนวอลล์เปเปอร์หรือฉนวนกันความร้อนที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ต้องนำไปทิ้งในถุงที่ปิดมิดชิดโดยทันที เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อรา
“ก่อนการทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราในบ้านต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย สวมหน้ากาก ถุงมือยางและรองเท้าบูททุกครั้ง ซึ่งการจัดการเชื้อราในบ้าน ทำได้ 3 ขั้นตอน คือ 1) พื้นผิววัสดุที่พบเชื้อราให้ใช้กระดาษทิชชู แผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์พรมน้ำให้เปียกเล็กน้อย เช็ดพื้นผิวไปในทางเดียว แล้วนำกระดาษทิชชูหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ดังกล่าว ทิ้งลงในถังขยะที่ปิดมิดชิด 2) ใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำผสมสบู่หรือน้ำยาล้างจาน เช็ดซ้ำในจุดที่มีเชื้อราอีกครั้ง และ3)ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น น้ำส้มสายชู 5–7 เปอร์เซ็นต์ หรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 60-90 เปอร์เซ็นต์ เช็ดทำความสะอาด เพื่อเป็นการทำลายเชื้อในขั้นตอนสุดท้าย โดยผู้ทำความสะอาดต้องหยุดพักสูดอากาศบริสุทธิ์ทุก 1–2 ชั่วโมง และอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหลังจากการล้างบ้านและกำจัดเชื้อรา เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยดี” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย