นักวิเคราะห์ชี้ปัจจัยในประเทศหนุนดัชนีสิ้นปีทะลุ 1,707

นักวิเคราะห์ชี้ปัจจัยในประเทศหนุนดัชนี สิ้นปีทะลุ 1,707

กรุงเทพฯ 3 เม.ย.-นักวิเคราะห์มั่นใจ ปัจจัยภายในประเทศ การเมือง เลือกตั้ง ดันเศรษฐกิจฟื้น 3.5% หนุน set index สิ้นปีทะลุ 1,707

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน รวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองของการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 2566
สรุปได้ดังนี้

โดยสมมติฐานหลัก มีการปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้จาก 87.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาเป็น 83.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและลดการคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2566 จากเดิมที่ 3.60 % ลงมาเหลือ 3.50%

อย่างไรก็ตามทิศทางการลงทุนในปี 2566 ยังได้ผลบวกชัดเจนจาก 3 ปัจจัยหลักคือ เศรษฐกิจภายในประเทศ มีผู้โหวตถึง 92% ,ปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศ มีผู้โหวต 85% รวมถึงผลประกอบการของบจ.ปี 2566 มีผู้โหวต 73%

ส่วนปัจจัยด้านลบมาจากผลกระทบจากธนาคารในสหรัฐอเมริกาล้ม ผู้ตอบทั้งหมดเทคะแนนให้ชัดเจนถึง 96% รองลงมาคือเศรษฐกิจต่างประเทศและการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ของประเทศสำคัญทั่วโลก มีผู้ตอบเท่ากันที่ 85%

ส่วนปัจจัยที่ควรจับตามองที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาส 2 ผู้ตอบส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งภายในประเทศและการจัดการของเสร็จตอบปัญหาสถาบันการเงินและนโยบายดอกเบี้ย

ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนงในช่วงเมษายนถึง สิ้นปี 2566 มีนักวิเคราะห์ถึง 61.50% ที่คาดว่าจะคงที่ส่วนที่เหลือมองว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 0.25%

ส่วนด้านการคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ของตลาดเฉลี่ยที่ 95.77 บาท ปรับลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 105.34 บาทต่อหุ้นและคาดการณ์ EPS Groth ของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 13.02

ด้านการคาดการณ์ Set Index ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 มีผู้โหวต 50% มองว่าเป็นทิศทางบวก
ส่วนคาดว่าจะเป็น side way มีผู้โหวต 30.77% และมองว่าจะเป็นทิศทางลบเพียง 19.23%
ส่วนคาดการณ์ set index ตั้งแต่ไตรมาส 2 จนถึงสิ้นปีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,508 ถึง 1,721 จุดและคาดว่าสิ้นปีจะปิดที่ 1707 จุด

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังได้แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุนแบ่งเป็น เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 18.6 3% ,กองทุนตราสารหนี้ 14.06%,หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 27.39%,หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 22.92%,กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 7.31%,ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.63% และอื่นๆเช่นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานน้ำมัน 1.06%

สำหรับการลงทุนหุ้นไทยนั้นแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร พร้อมให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจไฟแนนซ์,ปิโตรเคมี,พลังงานและสาธารณูปโภค

ส่วนรายชื่อหุ้นที่มีนักวิเคราะห์แนะนำโดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไปมีดังนี้

1.ADVANCE คาดผลประกอบการปีนี้กลับมาเติบโต หลังจากภาพรวมการแข่งขันลดลง รวมถึงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว
2.AMATA มองว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ดีในปีนี้ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาและอุปสงค์แข็งแกร่งจากการย้ายฐานการผลิตจากจีน
3.AOT มองว่าได้ประโยชน์จากจากนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่องโดยเฉพาะจีนเปิดประเทศและยังมีแผนการขยายสนามบินในอนาคต
4.BBL รับผลประโยชน์สูงสุดจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้น สินเชื่อโตต่อเนื่องตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
5.CPALL ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวการขยายสาขาหนุนกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง

ท้ายที่สุดนักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มการแนะนำไปยังพรรคการเมืองเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจคุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณโดยส่วนใหญ่ระบุถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแยกเป็นการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐที่หนุน ศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจรวมทั้งลดการใช้จ่ายภาครัฐและการกู้เพิ่มและ พร้อมแนะนำให้มีนโยบายช่วยเหลือภาคประชาชนได้แก่ ชะลอการเก็บภาษีหุ้น,สนับสนุนการออมเงินและนำกองทุน LTF กลับมา อีกทั้งยังต้องกระตุ้นการจ้างงานในประเทศตามมาด้วยนโยบายกระตุ้นการลงทุน สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หามุมมองใหม่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและขยายตลาดสินค้าไทย.-สำนักข่าวไทย

...