นายกฯ-ธนาธร

ทำเนียบรัฐบาล 3 ธ.ค.-นายกฯ ให้สังคมจับตา “ธนาธร” ประกาศเคลื่อนไหวนอกสภาเหมาะสมหรือไม่ ให้เจ้าหน้าที่ดูกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ย้ำสัมพันธ์รัฐบาลเหนียวแน่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ประกาศจะเคลื่อนไหวนอกสภาผู้แทนราษฎร ว่า ขอให้สังคมจับตาดูว่าสิ่งที่นายธนาธรกำลังจะเคลื่อนไหวมีความเหมาะสมและสร้างสรรค์หรือไม่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 มกราคม 2563 จะให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไปดู  ส่วนกรณีที่กลุ่มคนที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์จะจัดกิจกรรมวิ่งตามลุงในวันเดียวกันด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอาเถอะ วิ่งให้ทันแล้วกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงานเลี้ยงพบปะของพรรคร่วมรัฐบาลเย็นวันนี้(3 ธ.ค.)ว่า ที่ผ่านมาได้พบกับรัฐมนตรีและส.ส.ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว มีอะไรก็ร่วมมือและช่วยกัน ความสัมพันธ์เหนียวแน่น ไม่ต้องกังวล.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบรัฐบาล 19 พ.ย.-นายกฯ ระบุไม่เกี่ยวกรณีกมธ.ป.ป.ช.เชิญชี้แจงรอบ4  -กรณีศาลรธน.วินิจฉัยคุณสมบัติ “ธนาธร”  แต่ยันไม่ก้างล่วงกระบวนการยุติธรรม ระบุปัญหาใต้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่สิ้นสุดลงหรือไม่พรุ่งนี้(20 พ.ย.)  ว่า ไม่ได้เป็นผู้ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญไม่สามารถบังคับศาลให้ทำอะไรได้ ยืนยันไม่ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม  ส่วนกรณีคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปีรามการทุจรติ(ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎรมีหนังสือเชิญไปชี้แจงครั้งที่ 4 ว่า ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน เช่นเดียวกับเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ขอเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาภาคใต้ หลังเจ้าหน้าที่พบขบวนการไฟใต้แฝงตัวในโรงเรียน ปอเนาะ ว่า ทุกคนทราบดีว่าการแก้ปัญหาต้องทำหลายมติ ขอไม่ต้องกังวล เพราะฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการดำเนินการอยู่แล้ว แต่บางอย่างเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายในทางปฏิบัติ  นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงขั้นตอนการยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตรที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ว่า หลังจากนี้เป็นเรื่องการทำความเข้าใจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นัดหารือกับผู้ส่งออกและนำเข้าสารเคมีทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชนในการแก้ไขปัญหา ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้. – สำนักข่าวไทย