ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐ-ยูเครนพบกันเป็นครั้งแรก

ฐานทัพทหารในโปแลนด์ 18 ม.ค.- ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐและประธานคณะเสนาธิการร่วมยูเครนพบหน้ากันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รัสเซียทำสงครามในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน  พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐ พร้อมทหารระดับสูง 6 นาย เดินทางทางบกไปยังพื้นที่ที่ไม่เปิดเผยแห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของโปแลนด์ใกล้พรมแดนยูเครนเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เพื่อพบสนทนากับ พล.อ.วาเลอรี ซาลูชนี ประธานคณะเสนาธิการร่วมยูเครน โฆษกของ พล.อ.มิลลีย์เผยกับผู้สื่อข่าว 2 คนที่ติดตามไปทำข่าวว่า นายพลทั้ง 2 คนได้หารือสถานการณ์ในยูเครนกันอย่างสม่ำเสมอตลอดปีที่ผ่านมา โดยได้พูดคุยในรายละเอียดเกี่ยวกับการปกป้องยูเครนที่ถูกรัสเซียรุกรานแต่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน จึงคิดว่าการหารือเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งควรเป็นการพบหน้ากัน เดิมคาดหวังกันว่า พล.อ.ซาลูชนีจะเดินทางไปกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมเพื่อร่วมการประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมหลายประเทศในสัปดาห์นี้ แต่เมื่อทราบชัดเจนเมื่อวันจันทร์ว่าเขาไม่สามารถเดินทางไปได้ จึงตัดสินใจทันทีว่าจะพบกันที่โปแลนด์ ใกล้ชายแดนยูเครน รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเคยประกาศชัดเจนว่า จะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปยูเครน ยกเว้นผู้ไปปฏิบัติหน้าที่ให้แก่สถานทูตสหรัฐในกรุงเคียฟ โฆษกประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐชี้แจงว่า การพบหน้ากันเป็นครั้งแรกนี้ เพื่อให้ พล.อ.มิลลีย์นำข้อมูลและความกังวลของ พล.อ.ซาลูชนีไปแจ้งต่อที่ประชุมนาโตในวันพุธและพฤหัสบดีนี้  หลังจากนั้น พล.อ.มิลลีย์จะไปร่วมประชุมกลุ่มติดต่อยูเครนที่ฐานทัพอากาศในเยอรมนีในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ กลุ่มนี้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูงประมาณ 50 คน คาดว่าที่ประชุมจะหารือเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันในยูเครนและความจำเป็นทางทหารในอนาคต เนื่องจากภูมิประเทศในสนามรบจะเปลี่ยนจากแห้งแข็งในฤดูหนาว เป็นเปียกชื้นในฤดูใบไม้ผลิ.-สำนักข่าวไทย

“มิน อ่อง หล่าย” ขอเจรจาแบบเจอหน้ากับกลุ่มชาติพันธุ์

ย่างกุ้ง 22 เม.ย.- พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเรียกร้องขอเปิดการเจรจาสันติภาพแบบพบหน้ากับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่ายกล่าวสุนทรพจน์ผ่านสื่อทางการว่า ขอเชิญผู้นำกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เรื่องเปิดการเจรจา โดยขอให้ตัวแทนการเจรจาลงทะเบียนกับทางการภายในวันที่ 9 พฤษภาคม และเขาจะพบกับตัวแทนเหล่านั้นด้วยตนเอง ทุกคนจะหารือกันอย่างซื่อสัตย์และเปิดเผย เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากสันติภาพและการพัฒนา อย่างไรก็ดี ผู้นำเมียนมาไม่ได้ระบุวันเวลาในการเจรจาแต่อย่างใด เอเอฟพีระบุว่า เมียนมามีกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ประมาณ 20 กลุ่ม ส่วนใหญ่ยึดครองดินแดนห่างไกลของประเทศ โดยได้ต่อสู้กันเองและต่อสู้กองทัพมาหลายทศวรรษ เพื่อแย่งชิงการค้ายาเสพติด ทรัพยากรธรรมชาติ และอำนาจการปกครองตนเอง กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์บางกลุ่มกล่าวโทษรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซู จีที่ถูกรัฐประหารเมื่อปี 2564 และเสนอให้ที่พักรวมทั้งฝึกอาวุธให้แก่กองกำลังปกป้องประชาชนหรือพีดีเอฟ (PDF) ที่รวมตัวกันตามเมืองต่าง ๆ เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร เอเอฟพีตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำเมียนมาเรียกร้องเจรจาสันติภาพกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ในช่วงที่กองทัพเมียนมาปะทะกับพีดีเอฟรายวัน พีดีเอฟบางกลุ่มยังร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์รบตามชายแดนด้วย นอกจากนี้เขายังประกาศว่า “จะบดขยี้พีดีเอฟ” ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสวนสนามวันกองทัพเมื่อเดือนก่อนที่มีตัวแทนกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์หลายกลุ่มเข้าร่วมด้วย.-สำนักข่าวไทย

...