น้ำท่วมฉับพลัน

บริสเบน 23 ก.พ. – เหตุฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในรัฐควีนส์แลนด์ ทางตะวันออกของออสเตรเลีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้สูญหาย 10 คน นางแอนนาสตาเซีย พาลาสซ์ซุก มุขมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งมีนครบริสเบนเป็นเมืองเอก แจ้งในที่ประชุมรัฐสภาวันนี้ว่า รัฐควีนส์แลนด์พบร่างผู้เสียชีวิต วัย 60 ปี ติดอยู่ในรถยนต์ที่จมน้ำท่วมหลังเกิดเหตุฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางการต้องสั่งปิดถนนและการสัญจรจนทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว รัฐควีนส์แลนด์อาจยังคงมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่และมีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันสูงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากเขื่อน 15 แห่งในรัฐควีนส์แลนด์มีระดับน้ำใกล้เต็มความจุแล้ว ในขณะเดียวกัน หน่วยงานรับมือภาวะฉุกเฉินหลายแห่งในรัฐควีนส์แลนด์ได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือหลายร้อยครั้งจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในสถานการณ์น้ำท่วม และเร่งส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางน้ำเข้าไปช่วยอพยพประชาชนหลายสิบคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เหตุฝนตกและน้ำท่วมยังทำให้รถไฟขนส่งสินค้าตกรางพลิกคว่ำในย่านชนบทของรัฐควีนส์แลนด์ โดยที่คนขับรถไฟมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ด้านสื่อท้องถิ่นของออสเตรเลียรายงานอ้างคำพูดของตำรวจท้องถิ่นที่ระบุว่า มีผู้สูญหาย 10 คนจากเหตุฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมประกาศเตือนผู้ขับขี่ยานยนต์ให้หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมและไม่ควรเดินทางออกนอกบ้านในช่วงนี้.-สำนักข่าวไทย

รีโอเดจาเนโร 21 ก.พ. – เหตุฝนตกหนักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในเมืองเปโตรโปลิสในรัฐรีโอเดจาเนโรของบราซิล ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 165 ราย ในขณะที่รัฐเอสปีรีตูซันตู ซึ่งมีพรมแดนติดรัฐรีโอเดจาเนโร ต้องเผชิญกับพายุฝนลูกใหม่ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เจ้าหน้าที่ของเมืองเปโตรโปลิส ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของบราซิล เผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มทำให้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 165 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กอย่างน้อย 28 ราย ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านกำลังช่วยกันค้นหาผู้สูญหายด้วยการขุดกองดินโคลนถล่มและรื้อซากปรักหักพังในเมืองเปโตรโปลิส ซึ่งประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนารู ของบราซิล กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่ามีสภาพเหมือนเพิ่งผ่านศึกสงคราม ทางการเมืองเปโตรโปลิสยังไม่สามารถสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างแน่ชัดได้และอาจมีแนวโน้มพบยอดผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยคาดว่าไม่น่าพบผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน รัฐเอสปีรีตูซันตู ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิลและมีพรมแดนติดรัฐรีโอเดจาเนโร ต้องเผชิญกับพายุฝนตกหนักลูกใหม่เมื่อวันอาทิตย์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เจ้าหน้าที่ของรัฐเอสปีรีตูซันตูระบุว่า ผู้เสียชีวิตรายหนึ่งถูกกำแพงพังถล่มทับร่าง ส่วนอีกรายถูกกระแสน้ำพัดในขณะที่พยายามนำรถยนต์หนีน้ำท่วม นอกจากนี้ พายุฝนดังกล่าวยังทำให้มีประชาชนกว่า 1,200 คนต้องอพยพออกจากบ้าน และมีบ้านเรือนเสียหายราว 43 หลัง. -สำนักข่าวไทย

รีโอเดจาเนโร 17 ก.พ. – เจ้าหน้าที่ของบราซิลระบุว่า เหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มที่เมืองเปโตรโปลิสในรัฐรีโอเดจาเนโรของบราซิล ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 94 รายแล้ว บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า เมืองเปโตรโปลิส ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่กลางหุบเขาทางเหนือของรัฐรีโอเดจาเนโรและเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของบราซิล เผชิญกับพายุฝนตกหนักจนทำให้บ้านเรือนบนเนินเขาพังถล่มและมีรถยนต์หลายคันถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดหาย ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองเปโตรโปลิสได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรับมือภัยพิบัติในครั้งนี้แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตตามกองดินโคลนถล่ม ด้านสำนักงานป้องกันพลเรือนแห่งชาติของบราซิลระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 24 คน และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 94 ราย ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนารู ของบราซิล ซึ่งอยู่ในระหว่างเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ ระบุว่า เขาจะวางแผนจัดสรรความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ในทันที ขณะนี้ ทางการบราซิลได้ส่งทหารกว่า 180 นายลงพื้นที่ประสบภัยแล้ว และคาดว่าจะมีทีมเจ้าหน้าที่ค้นหาเพิ่มอีกในช่วงค่ำวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ เมืองเปโตรโปลิสเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงของบราซิล และเคยเป็นสถานที่พักตากอากาศของจักรพรรดิบราซิลในอดีต แต่สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองดังกล่าวที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาทำให้มีโอกาสเกิดเหตุดินถล่มสูง ก่อนหน้านี้ เมืองเปโตรโปลิสเคยเกิดเหตุดินถล่มครั้งใหญ่มาแล้วในปี 2554 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 900 ราย.-สำนักข่าวไทย

ทางการเปรู เร่งอพยพนักท่องเที่ยวหลายร้อยคน ออกจากเมืองมาชูปิกชู หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลัน พัดก้อนหินจำนวนมากมาปิดกั้นเส้นทางรถไฟ

ทางการอินเดียแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน หลังจากฝนตกหนักในรัฐเกรละ ทางใต้ของอินเดียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม

มะนิลา 14 ต.ค. – ฟิลิปปินส์ระบุวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 19 รายจากเหตุพายุโซนร้อน “คมปาซุ” กำลังแรง ที่พัดผ่านฟิลิปปินส์ในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันทั่วประเทศ โดยคาดว่าปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์เผยว่า พายุคมปาซุทำให้ฟิลิปปินส์มีปริมาณน้ำฝนที่ตกในช่วง 2 วันที่ผ่านสูงกว่าปริมาณมาณน้ำฝนรายเดือนในขณะที่พายุดังกล่าวกำลังเคลื่อนตัวผ่านฟิลิปปินส์ในสัปดาห์นี้ และยังทำให้มีฝนตกหนักกว่าในช่วงที่ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นเกดสะหนา หรือที่ชาวฟิลิปปินส์รู้จักกันในชื่อ พายุโซนร้อนโอนโดย ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปี 2552 และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย ทั้งนี้ หลายจังหวัดบนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดของฟิลิปปินส์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวมากที่สุด มีพื้นที่เกษตรจำนวนมากและบ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านเปโซ (663 ล้านบาท) โฆษกคนนี้ระบุด้วยว่า พายุคมปาซุเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกี่ยวกับอันตรายทางธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ระบบจัดการภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนัก.-สำนักข่าวไทย