Tnamcot🌏

ทำเนียบ8 ก.ค.-“ลิณธิภรณ์” เผยคิดออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่รับตำแหน่ง รมช.ศธ. ขอโฟกัสงานฝ่ายบริหาร บอก ไม่กังวลขาลอยขอให้ดูที่ผลงาน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีการลาออกจากการเป็นสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ว่า เป็นความตั้งใจของตนตั้งแต่แรก พอทราบว่าจะต้องเปลี่ยนบทบาทมาทำงานด้านการบริหาร ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้วางแผนไว้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น เพราะงานฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และที่ผ่านมาบทบาทการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นการทำงานเพื่อพิจารณาในด้านของกฎหมาย รวมถึงการตรวจสอบงบประมาณ เมื่อเราเปลี่ยนบทบาทมาอยู่ในฝ่ายบริหารก็ต้องทำเรื่องการวางนโยบาย และสิ่งที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้นโยบายเกิดผลได้จริง และอาจต้องมีการติดตามงานที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม “นี่คือความตั้งใจตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าเมื่อเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีการทำงานในสภาฯคงไม่สามารถทำงานคู่ขนานกันได้ เพราะอยากจะโฟกัสงานในส่วนของฝ่ายบริหาร แต่อาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสื่อบางสำนัก ว่าการที่จะออกจากตำแหน่งจำเป็นต้องมีการหารือกับผู้ใหญ่ภายในพรรค แต่การจะลาออกหรือไม่ลาออกนั้น เป็นเรื่องความต้องการส่วนตัว และอยากให้โฟกัสการทำงานของตนในช่วง 3 เดือนแรก ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ”น.ส.ลิณธิภรณ์ ระบุ เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหากลาออกจาก ตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ แล้วในอนาคตอาจหลุดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีจะทำให้ขาลอย นั้น น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า บางคนอาจจะกังวลว่าไม่ได้เป็น สส.แล้วขาจะลอย แต่ในมุมของการทำงานการเมือง เมื่อก้าวเข้ามาถึงจุด ตำแหน่งไม่ควรยึดติด ผลงานต่างหากที่ควรยึดติดเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ดังนั้นจึงไม่กังวลว่าตนจะไปอยู่ตรงไหน เพราะบทบาทที่ได้รับทางการเมืองไม่ว่าบทบาทใดก็ทำงานเต็มที่และเกิน 100%.-316.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบ 8 ก.ค.-“จุลพันธุ์” รับถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถอนฟืนออกจากกองไฟ ยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อให้ประเทศเดินหน้า เหตุเปลี่ยนรัฐมนตรี ลั่นไม่เกี่ยวพรรคร่วมไม่เอาด้วย เผยยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ต้องพิจารณา เพราะรัฐมนตรีเก่าไม่ได้ทำงานเเล้ว ก่อนหัวเราะ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีการถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกจากการพิจารณาของสภาว่า ต้องยอมรับความจริงว่า องค์ประกอบ ครม. เปลี่ยนแปลงเยอะ เป็นเหตุผลที่เหมาะที่จะดึงกลับมาให้ทุกคนได้มีโอกาสในการพิจารณา และอยากมีเวลาในการทำความเข้าใจกับสังคมให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ส่วนเหมาะสมเมื่อไหร่ยังตอบไม่ได้ “สถานการณ์การเมืองขณะนี้ ดึงฟืนออกจากกองไฟ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกผมมองว่าเป็นโอกาส ที่ดีถือว่าชะลอไว้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกันเมื่อเวลาเหมาะสม ก็แค่นั้น” นายจุลพันธุ์ กล่าว เมื่อถามว่าการที่พรรคภูมิใจไทย บอกว่ากลัวเสียงในสภาพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะไม่โหวตให้นั้น นายจุลพันธุ์ ระบุว่า ตนยังไม่เห็นว่าพรรคร่วมจะไม่โหวตให้ และยังไม่มีสัญญาณใดๆ ออกมาดังนั้นความเชื่อมั่นในการลงมติเรามีความเชื่อมั่น ส่วนจำนวนมือจำนวนเสียงในสภา เรารวบรวมเสียงในสภาเราก็ต้องมีความมั่นใจว่าเสียงเราเกินกึ่งหนึ่ง อันนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ห่วงใย เมื่อถามว่าใช้คำว่าถอนไม่ใช่ยกเลิก ใช่หรือไม่ นายจุลพันธุ์ ระบุว่า มันไม่มีคำอื่นให้ใช้ ตามร่างกฎหมาย ในกระบวนการถอดกฎหมาย ส่วนหลังจากนี้ ครม. จะเสนอกลับไปให้สภาพิจารณาอีกหรือไม่นั้นยังมีการพูดคุยกัน และไกลเกินไป […]

รัฐสภา 8ก.ค.-สส.ปชน. จี้ “รมว.คลัง-ต่างประเทศ” ลาออก ไม่ต้องให้ใครไล่ หรือปลดออก รับผิดชอบ เซ่นภาษีทรัมป์ 36% ซัดผิดพลาดรุนแรง ทำประเทศเสียหาย นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา และรองประธานกมธ.การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณี สหรัฐฯ เรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่จะใช้กับสินค้าส่งออกจากประเทศไทยจะเป็นอัตราร้อยละ 36 ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป ว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯใช้ภาษีนำเข้าสูงถึงร้อยละ 36 กับประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงนโยบายที่ผิดพลาดและการไร้ประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศ และการต่างประเทศโดยสิ้นเชิง “รัฐบาลเพิ่งเปลี่ยน รมว.พาณิชย์ อดีตรมว.พาณิชย์คนเดิม จึงพ้นตัวไป ที่เหลืออยู่ตั้งแต่แรกคือ รมว.การคลัง และรมว.การต่างประเทศ ผมจึงขอเรียกร้องให้ทั้งรมว.คลัง และรมว.ต่างประเทศ แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงให้เห็นว่าเมื่อนักการเมืองทำนโยบายที่ผิดพลาดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ ควรแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ไม่ต้องให้ใครมาไล่หรือปลดออก” นายจุลพงศ์ กล่าว นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เรียกร้องให้ รมว.คลัง ลาออก เนื่องจากตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ […]

รัฐสภา 8 ก.ค.-ภาคประชาชน ยื่นพรรคร่วมฝ่านค้าน ใช้กลไกสภาฯ กดดันรัฐบาล ถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ “พริษฐ์” ชวนประชาชนจับตาถอนแบบจริงใจ หรือแค่รอเวลาเติมเสียงรัฐบาลให้ครบ แล้วเสนอกลับมาใหม่ พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน รับหนังสือจากภาคประชาน นำโดยนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ในนามเครือข่ายภาคประชาชน ขอให้ใช้กลไกรัฐสภากดดันให้รัฐบาลถอนร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ นายธนากร กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายด้าน มีมติจะเดินหน้ากลไกในสภาทุกอย่าง เพื่อกดดันให้รัฐบาลถอนร่างพ.ร.บ.ฯ ออกไป โดยมีเงื่อนไขและให้ความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการเสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก ภาคประชาชน ประกอบด้วยเครือข่ายเด็กและเยาวชน เครือข่ายครอบครัว เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครอง เครือข่ายชุมชน เครือข่ายแพทย์ และบุคลากรสาธารณสุข เครือข่ายศาสนาเครือข่ายครูอาจารย์และนักวิชาการ เครือข่ายนักกฎหมาย เครือข่ายสื่อสารมวลชน และเครือข่ายภาคประชา สังคม เห็นด้วยกับมติดังกล่าวและขอสนับสนุนให้พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้ทุกสรรพกำลังให้ร่างกฎหมายนี้ถูกถอนออกไปจากรัฐสภา ด้วยเหตุผล 1.การหวังจะหารายได้เข้ารัฐจากกิจการพนันจะก่อให้เกิดผลได้ไม่คุ้มเสีย มีผู้ได้ประโยชน์เพียงส่วนน้อยในขณะที่ผลเสียจะตกกับสังคม เป็นนโยบายที่ทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ ซึ่งขัดกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2.การคิดว่าจะใช้การพนันบนดินแก้ปัญหาการพนันใต้ดิน เป็นแนวคิดที่หลงทางและจะกลับกลายเป็นการเพิ่มการขยายตัวของการพนันอย่างชอบธรรมโดยนโยบายรัฐ 3.การหลงในวาทกรรม “การพนันอย่างรับผิดชอบ” คือการหลงเหลี่ยมคำลวงของธุรกิจพนัน ที่มุ่งผลักภาระรับผิดชอบมาที่ผู้เล่นพนัน และพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบของธุรกิจ […]

ทำเนียบ 8 ก.ค.-ครม.เห็นชอบ ถอนร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังปรับ ครม.ใหม่ ชี้มีประเด็นต้องให้เวลาทำความเข้าใจกับสังคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (8 ก.ค.68) เห็นชอบตามที่ กระทรวงการคลัง (กค.) นำเสนอ ครม.พิจารณา อนุมัติให้ถอน “ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. ” ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอร่างฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรโดยกำหนดกลไกการดำเนินการผ่านระบบคณะกรรมการ 2 ระดับ คือ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรและคณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการดังกล่าว กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาต รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรให้มีมาตรฐานและเหมาะสม ทั้งนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าวตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 รวมทั้งรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจจรณาร่างพระราชบัญญัติตามข้อ 22 […]