ก๊าซรั่วในโรงงานอินเดีย ป่วยเข้า รพ. กว่าร้อยคน

นิวเดลี 3 ส.ค. – เกิดเหตุก๊าซรั่วที่โรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่มในอินเดีย ทำให้มีแรงงานหญิงอย่างน้อย 112 คนต้องเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ตำรวจอินเดียเผยวันนี้ว่า เกิดเหตุก๊าซรั่วที่โรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่มในรัฐอานธรประเทศ (Andhra Pradesh) ทางตอนใต้ของอินเดียเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร ทำให้แรงงานหญิงอย่างน้อย 112 คนมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งยังระบุว่า แรงงานหญิงทั้งหมดมีอาการคงที่ และไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุก๊าซรั่วในโรงงานดังกล่าว ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เกิดก๊าซรั่ว สถานีโทรทัศน์เอ็นดีทีวีของอินเดียรายงานว่า เหตุก๊าซรั่วที่โรงงานแห่งนี้มีขึ้นหลังจากที่เพิ่งเกิดเหตุลักษณะนี้ในพื้นที่เดียวกันที่ทำให้แรงงานหญิงราว 200 คนมีอาการหมดสติจนต้องเข้าโรงพยาบาลในเดือนมิถุนายน ก่อนหน้านี้ เคยเกิดเหตุก๊าซรั่วที่โรงงานเคมีในเมืองวิศาขาปัฏฏนัม ซึ่งเป็นเมืองท่าเรืออุตสาหกรรมของรัฐอานธรประเทศ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และมีแรงงานหลายร้อยคนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อปี 2563.-สำนักข่าวไทย

คนร้ายใช้มีดไล่แทงใน รร. อนุบาลจีน ตาย 3 คน

ปักกิ่ง 3 ส.ค. – คนร้ายใช้มีดทำร้ายผู้คนในโรงเรียนอนุบาลในมณฑลเจียงซี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บ 6 คน ตำรวจของมณฑลเจียงซีระบุในแถลงการณ์ว่า เกิดเหตุคนร้าย วัย 48 ปี ใช้มีดไล่ทำร้ายผู้คนในโรงเรียนอนุบาลของเขตอานฟูในมณฑลเจียงซีเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 09.00 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บ 6 คน แต่ไม่ได้เปิดเผยอายุของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ทั้งยังระบุว่า คนร้าย ซึ่งสวมหมวกแก๊ปและหน้ากาก หลบหนีไปได้หลังก่อเหตุ และตำรวจเร่งระดมกำลังออกตามจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ขณะที่หนังสือพิมพ์ปักกิ่ง เดลี ของทางการจีน ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพตำรวจนายหนึ่งกำลังวิ่งอุ้มเด็กนักเรียนตัวเล็กไปยังรถพยาบาล จีนเป็นประเทศที่มีอัตราเกิดอาชญากรรมรุนแรงน้อยมาก เนื่องจากมีกฎหมายห้ามประชาชนครอบครองอาวุธปืนโดยเด็ดขาด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากลับเกิดเหตุไล่แทงกันขึ้นหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนทั่วไป ก่อนหน้านี้ จีนเคยเกิดเหตุคนร้ายใช้มีดไล่แทงที่โรงเรียนในพื้นที่ทางใต้ของประเทศเมื่อเดือนเมษายน จนทำให้มีเด็กเสียชีวิต 2 คน และผู้บาดเจ็บ 16 คน รวมถึงเหตุคนร้ายไล่แทงผู้คนที่โรงพยาบาลในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนกรกฎาคม จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ […]

ผลวิจัยชี้ผู้ชายมีแนวโน้มอายุยืนกว่าผู้หญิง

โคเปนเฮเกน 3 ส.ค. – ผลวิจัยของเดนมาร์ก พบว่า ผู้ชายที่แต่งงานและจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวกว่าผู้หญิง ซึ่งถือเป็นผลการศึกษาที่ทลายความเชื่อที่มีมายาวนานว่า ผู้หญิงมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย ผลวิจัยของเดนมาร์ก ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารบริติช เมดิคัล เจอร์นัล (British Medical Journal) ในวันนี้ พบว่า ผู้ชายที่แต่งงานแล้วร้อยละ 39 มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวกว่าผู้หญิง สูงกว่าผู้ชายโสดที่ร้อยละ 37 ส่วนผู้ชายที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยร้อยละ 43 มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนกว่าผู้หญิง สูงกว่าผู้ชายที่จบการศึกษาระดับมัธยมที่ร้อยละ 39 ทั้งยังระบุว่า มีผู้ชายร้อยละ 25-50 ที่มีอายุยืนยาวกว่าผู้หญิง และผู้หญิงทุกคนไม่ได้มีอายุยืนกว่าผู้ชาย แม้ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีอายุยืนกว่าผู้ชาย แต่ผู้หญิงส่วนน้อยที่มีอายุสั้นกว่าผู้ชายก็มีอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน ผลวิจัยดังกล่าวยังระบุว่า ความเชื่อที่ว่าผู้หญิงมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชายนั้นเกิดจากการสรุปโดยใช้อายุขัยโดยเฉลี่ยมากกว่าข้อมูลที่เป็นอายุขัยจริง จนทำให้เกิดการตีความผิดว่า ผู้ชายมีอายุสั้นกว่าผู้หญิง ทั้งนี้ คณะนักวิจัยของเดนมาร์กได้รวบรวมและศึกษาข้อมูลประชากรและอัตราการเสียชีวิตของประชากร 199 คนจากทุกทวีปในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

จีนเตือนสายการบินเลี่ยงน่านฟ้าใกล้ไต้หวัน

ปักกิ่ง 3 ส.ค. – จีนประกาศเตือนสายการบินที่ให้บริการในทวีปเอเชียหลีกเลี่ยงเส้นทางบินในน่านฟ้าใกล้ไต้หวัน เนื่องจากจีนกำลังซ้อมรบในระหว่างที่นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันในวันนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐรายงานอ้างสายการบินและเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้ที่ได้รับหนังสือแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการจากจีนเมื่อช่วงค่ำวันอังคารว่า จีนได้ประกาศเตือนสายการบินที่ให้บริการในทวีปเอเชียหลีกเลี่ยงเส้นทางบินในน่านฟ้าใกล้ไต้หวัน และกำหนดให้น่านฟ้า 6 แห่งเป็นเขตอันตราย โดยจะใช้มาตรการจำกัดเที่ยวบินตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีไปจนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ ในขณะเดียวกัน สายการบินเซี่ยเหมิน แอร์ไลน์ ของจีน ได้ประกาศปรับเส้นทางการบินบางส่วนเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างราบรื่นในมณฑลฝูเจี้ยน ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนและมีพรมแดนติดช่องแคบไต้หวัน ส่วนสายการบินโคเรียน แอร์ ของเกาหลีใต้ ได้วางแผนปรับเส้นทางบินในเที่ยวบินบางส่วนที่ออกเดินทางไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าไต้หวันในระหว่างที่จีนกำลังซ้อมรบ ด้านสายการบินคาเธย์ แปซิฟิค ของฮ่องกง ได้รับคำแนะนำให้เตรียมน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองเพิ่มเพื่อให้ปฏิบัติการบินได้นานขึ้น 30 นาทีในกรณีที่อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อเลี่ยงน่านฟ้าไต้หวัน กระทรวงต่างประเทศของไต้หวันระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า การประกาศซ้อมรบด้วยกระสุนจริงของกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน และประกาศเตือนให้สายการบินหรือเรือบรรทุกสินค้าของประเทศต่าง ๆ เลี่ยงน่านฟ้าหรือน่านน้ำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อการค้าระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

จีนระงับนำเข้าสินค้าจากไต้หวันกว่า 2,000 รายการ

ปักกิ่ง 3 ส.ค. – จีนประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตอาหารของไต้หวันหลายร้อยราย ระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากไต้หวันกว่า 2,000 รายการ และสั่งระงับส่งออกทรายธรรมชาติไปยังไต้หวันชั่วคราว เพื่อตอบโต้ไต้หวันจากกรณีที่นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันในวันนี้ หนังสือพิมพ์เดอะไฟแนนเชียลไทมส์ของอังกฤษ รายงานว่า สำนักงานศุลกากรของจีนได้ประกาศระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากไต้หวันกว่า 2,000 รายการจากทั้งหมด 3,200 รายการนับตั้งแต่ช่วงคืนวันจันทร์ หลังเจ้าหน้าที่ของสหรัฐและไต้หวันยืนยันอย่างเป็นทางการว่า นางเปโลซีเดินทางเยือนไต้หวันและพบปะกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ในวันนี้ การประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากไต้หวันครั้งนี้ ครอบคลุมสินค้ารวม 35 ประเภท เช่น ปลาและอาหารทะเล น้ำมันสำหรับปรุงอาหาร ผลไม้ตระกูลส้ม บิสกิต และเค้ก รวมถึงบริษัทผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและซอสถั่วเหลืองหรือโชยุ ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรจีนได้ประกาศคำสั่งระงับนำเข้าสินค้าจากบริษัทต่าง ๆ ในไต้หวัน โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ปฏิบัติตามการลงทะเบียนภายใต้กฎระเบียบใหม่ ก่อนหน้าน้ จีนเคยสั่งแบนการนำเข้าสับปะรดจากไต้หวันในช่วงต้นปี 2564 จนทำให้รัฐบาลไต้หวันต้องโต้กลับด้วยการใช้แคมเปญการตลาดว่า สับปะรดของไต้หวันเป็น ‘สับปะรดเสรีภาพ’ (freedom pineapple) และ ‘สับปะรดประชาธิปไตย’ (democracy pineapple) เพื่อหาช่องทางส่งออกสับปะรดไปยังตลาดอื่น.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียว่าสหรัฐมีส่วนในสงครามยูเครนโดยตรง

มอสโก 3 ส.ค. – รัสเซียกล่าวหาว่า สหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงครามยูเครน และต้องมีส่วนรับผิดชอบจากการยิงจรวดของยูเครนที่ทำลายย่านที่พักอาศัยและบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากในหลายพื้นที่ของภูมิภาคดอนบาสและพื้นที่อื่น ๆ จนทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า บทสัมภาษณ์ของนายวาดิม สกิบิตสกี รองหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของยูเครน ในหนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลสหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน แม้สหรัฐยืนยันว่าได้จำกัดความช่วยเหลือในการส่งอาวุธให้ยูเครนแล้วก็ตาม รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องมีส่วนรับผิดชอบจากการยิงจรวดของยูเครนที่ทำลายย่านที่พักอาศัยและบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากในหลายพื้นที่ของภูมิภาคดอนบาสและพื้นที่อื่น ๆ จนทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวสหรัฐและกระทรวงกลาโหมสหรัฐยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าวของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของรัสเซียที่ว่า รัสเซียได้ทำลายระบบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรสูง (HIMARS) ที่สหรัฐผลิตขึ้นและส่งมอบให้ยูเครน จำนวน 6 เครื่อง ว่าไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ นายสกิบิตสกีเผยกับหนังสือพิมพ์เทเลกราฟว่า เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของยูเครนได้ปรึกษาหารือกับสหรัฐก่อนที่จะยิงจรวดโจมตีรัสเซีย นอกจากนี้ สหรัฐยังมีอำนาจยับยั้งการโจมตีเป้าหมายต่าง ๆ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายโดยตรงให้แก่ยูเครน.-สำนักข่าวไทย

เผย รมต. ต่างประเทศรัสเซียเยือนเมียนมาวันพุธ

เนปิดอว์ 3 ส.ค. – นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย จะเดินทางเยือนเมียนมาในวันพุธ ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัฐบาลต่างประเทศที่เดินทางเยือนเมียนมานับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานอ้างคำพูดของนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ที่เผยว่า นายลาฟรอฟจะเดินทางเยือนเมียนมาในวันพุธ และจะหารือกับนายวันนา หม่อง ลวิน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา รวมถึงพบปะกับพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาที่กรุงเนปิดอว์ นางซาคาโรวายังระบุว่า การหารือดังกล่าวจะครอบคลุมประเด็นความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ การป้องกันประเทศ ความมั่นคง และมนุษยธรรม ทั้งนี้ นายลาฟรอฟมีกำหนดเดินทางต่อไปยังกัมพูชาหลังเสร็จสิ้นภารกิจเยือนเมียนมา เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมาต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนักจากกลุ่มชาติตะวันตกนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อเหตุรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และเปิดฉากปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี เมียนมายังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซีย โดยที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียเพิ่งระบุในช่วงต้นเดือนนี้ว่า ทั้งสองประเทศจะกระชับความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศหลังพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ได้เดินทางเยือนเมียนมา ก่อนหน้านี้ นายโทมัส แอนดรูว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่า รัสเซียได้ส่งโดรน เครื่องบินขับไล่ 2 […]

แรงงานอินโดนีเซียประท้วงขึ้นค่าตั๋วดูมังกรโคโมโด

แรงงานภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอินโดนีเซียหลายร้อยคนนัดผละงานประท้วงการขึ้นค่าตั๋วราคาสูงลิ่ว เพื่อเข้าชมมังกรโคโมโดของรัฐบาลอินโดนีเซีย ที่ให้เหตุผลว่าเป็นไปเพื่ออนุรักษ์ถิ่นที่อยู่ของมังกรโคโมโด

ตุรกีคาดมีเรือบรรทุกสินค้าออกจากยูเครนได้ทุกวัน

อิสตันบูล 2 ส.ค. – ตุรกีคาดหวังว่าเรือบรรทุกสินค้าธัญพืชจะออกจากท่าเรือยูเครนได้วันละ 1 ลำ ภายใต้ข้อตกลงเดินเรือที่ทำร่วมกันระหว่างรัสเซีย ยูเครน ตุรกี และองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น หลังเรือลำแรกได้ออกจากท่าเรือในเมืองโอเดสซาของยูเครนอย่างปลอดภัยเมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่เผยนามของตุรกีเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ตุรกีหวังว่าเรือบรรทุกสินค้าธัญพืชจะออกจากท่าเรือของยูเครนได้ทุกวัน หากไม่มีอะไรผิดพลาด ยูเครนจะส่งออกสินค้าผ่านทางเรือได้วันละ 1 ลำ ต่อไปได้เป็นเวลาช่วงหนึ่งจากท่าเรือในเมืองโอเดสซาและอีก 2 ท่าเรือของยูเครนภายใต้ข้อตกลงที่รัสเซีย ยูเครน ตุรกี และยูเอ็น ทำร่วมกัน ทั้งยังระบุว่า เรือบรรทุกสินค้า ‘ราโซนี’ (Razoni) ที่ออกจากท่าเรือยูเครนเมื่อวันจันทร์ ออกเดินทางล่าช้ากว่ากำหนดหลายวัน เนื่องจากปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ขณะที่กระทรวงกลาโหมของตุรกี เผยว่า เรือราโซนีจะเดินทางถึงชายฝั่งตุรกีในช่วงเช้ามืดวันพุธ และจะได้รับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ตุรกี ยูเครน และยูเอ็น ข้อมูลจากรีฟินิทีฟ ไอคอน (Refinitiv Eikon) ฐานข้อมูลด้านการเงินระดับโลก ระบุว่า เรือราโซนี ซึ่งบรรทุกข้าวโพด 26,527 ตันไปยังเลบานอน กำลังเดินทางอยู่ในน่านน้ำทางตะวันตกของทะเลดำ นอกดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำดานูบของโรมาเนียเมื่อเวลา 07.14 น. ของวันนี้ตามเวลามาตรฐานกรีนิช […]

ตำรวจจีนเร่งสอบอินฟลูเอนเซอร์สาวทำคลิปกินฉลามขาว

ปักกิ่ง 2 ส.ค. – ตำรวจจีนเร่งสอบสวนอินฟลูเอนเซอร์สาวชาวจีนหลังทำคลิปย่างและกินฉลามขาวจนเป็นกระแสโด่งดัง ทั้งที่ฉลามขาวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของจีน ตำรวจเมืองหนานจงในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่า อินฟลูเอนเซอร์สาวชาวจีนที่ใช้นามแฝงชื่อว่า ‘ถีจื่อ’ (Tizi) หรือเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยว่า ‘น้องอุ้ม’ ได้กินฉลามขาวจริงตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอที่เธอปล่อยออกมาเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ถีจื่อยังกล่าวผ่านคลิปในขณะที่เธอกำลังฉีกเนื้อฉลามขาวย่างชิ้นใหญ่ว่า แม้ฉลามขาวเป็นสัตว์ดุร้าย แต่เนื้อของมันช่างนุ่มเป็นพิเศษ คลิปดังกล่าว ซึ่งถูกลบทิ้งไปแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า ถีจื่อได้นำฉลามขาวลำตัวยาว 2 เมตรมาวางบนพื้นและลงไปนอนข้างมันจนทำให้เห็นว่าฉลามตัวนี้มีขนาดยาวกว่าส่วนสูงของเธอ จากนั้น ถีจื่อก็นำเนื้อฉลามไปหั่นครึ่ง หมักซอส และย่างบนเตา รวมถึงนำหัวฉลามไปต้มในน้ำซุปรสเผ็ด คลิปกินฉลามขาวของถีจื่อตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตรายหนึ่งระบุว่า เป็นเรื่องน่าประหลาดที่คนดังในโลกอินเทอร์เน็ตกินฉลามขาว ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองของจีน ผ่านช่องของเธอที่มีผู้ติดตามเกือบ 8 ล้านคนตอนกลางวันแสก ๆ ขณะที่ถีจื่อเผยกับสื่อท้องถิ่นของจีนว่า เธอซื้อฉลามขาวผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมาย แต่หน่วยงานด้านเกษตรท้องถิ่นระบุเมื่อวันจันทร์ว่า ข้ออ้างของถีจื่อขัดแย้งกับข้อเท็จจริง และตำรวจกำลังสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ทางการจีนกำหนดให้ฉลามขาวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของจีน โดยผู้ฝ่าฝืนอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดตั้งแต่ 5-10 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ถีจื่อจะได้รับโทษจากการกระทำในคลิปดังกล่าวหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ไฟป่าลุกลามในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตาย 2 คน

แคลิฟอร์เนีย 2 ส.ค. – รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐพบผู้เสียชีวิต 2 คนจากเหตุไฟป่า ‘แม็คคินนีย์ ไฟร์’ (McKinney Fire) ที่ลุกลามเป็นวงกว้างจนทำให้ทางการท้องถิ่นต้องสั่งอพยพผู้คนจำนวนมากในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเขตซิสกิยู เคาน์ตี ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย เผยกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี นิวส์ ของสหรัฐว่า พบร่างผู้เสียชีวิต 2 รายในรถยนต์บนถนนในพื้นที่ไฟป่า โดยคาดว่าทั้งสองคนพยายามหนีไฟป่าแต่ไม่ทันการ ขณะนี้ ไฟป่า ‘แม็คคินนีย์ ไฟร์’ ได้เผาไหม้พื้นที่กว่า 139,100 ไร่ จนกลายเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนียในปีนี้ นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรับมือไฟป่าตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ ก่อนที่ไฟป่า ‘แม็คคินนีย์ ไฟร์’ เริ่มลุกลามเป็นวงกว้าง เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ลมแรง และฟ้าผ่าที่เอื้อต่อการเกิดไฟป่า ขณะนี้ ทางการท้องถิ่นได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 650 นายลงพื้นที่ยับยั้งไฟป่า แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการควบคุมไฟป่า และคาดว่าฝนที่ตกเล็กน้อยในคืนวันจันทร์จะช่วยป้องกันไม่ให้ไฟป่าลุกลามไปเร็วขึ้นกว่านี้ ทั้งนี้ ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียได้สั่งให้ประชาชนกว่า 2,000 คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบป่าสงวนแห่งชาติคลาแมธอพยพออกจากพื้นที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมรัฐเคนทักกีในสหรัฐ ตายเพิ่มเป็น 37 คน

เคนทักกี 2 ส.ค. – ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรัฐเคนทักกีของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 37 คน ในขณะที่ทางการรัฐเคนทักกีประสบปัญหาในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเนื่องจากฝนที่ตกหนักขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายหนักกว่าเดิม นายแอนดี บีเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี ทางตะวันออกของสหรัฐ เผยผ่านทวิตเตอร์ว่า เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องแจ้งว่าพบผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็น 37 คน และยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก เขาขอสวดมนต์ภาวนาให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอให้กำลังใจแก่ชาวรัฐเคนทักกีทุกคน รัฐเคนทักทียังคงมีฝนตกหนักขึ้นในวันจันทร์ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และคาดว่าจะเผชิญกับพายุฝนลูกใหม่ในช่วงกลางคืนของวันเดียวกัน ในขณะเดียวกัน สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ ได้ประกาศเฝ้าระวังอุทกภัยในหลายพื้นที่ของรัฐเคนทักกีตั้งแต่ช่วงค่ำวันจันทร์ถึงช่วงเช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น พร้อมเตือนว่า รัฐเคนทักกีจะเผชิญกับพายุฝนหลายลูกในคืนวันจันทร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและฝนฟ้าคะนองรุนแรง ก่อนหน้านี้ หลายพื้นที่ของรัฐเคนทักกีมีปริมาณฝนตกหนักสูงถึง 20 เซนติเมตรในรอบ 24 ชั่วโมงจนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันเมื่อสัปดาห์ก่อน อุทกภัยในครั้งนี้นับเป็นการซ้ำเติมรัฐเคนทักกีที่ประสบปัญหายากจน เนื่องจากอุตสาหกรรมถ่านหิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรัฐเคนทักกี ได้รับการสนับสนุนน้อยลง ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ประกาศให้รัฐเคนทักกีเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อให้รัฐดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง.-สำนักข่าวไทย

1 61 62 63 64 65 315