ทูตเมียนมาอารยะขัดขืน

ทูตเมียนมาอารยะขัดขืน

เมียนมา 5 มี.ค. -ทูตเมียนมาดาหน้าอารยะขัดขืน ปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาลทหารแล้วนับสิบราย


เจ้าหน้าที่ทางการทูตของเมียนมากว่า 10 ราย ซึ่งประจำการอยู่ในต่างประเทศปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานให้กับกองทัพเมียนมาที่กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ การประกาศจุดยืนของเจ้าหน้าที่ทางการทูตดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์นองเลือดภายในประเทศเมียนมาจากการที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงใช้กำลังและอาวุธเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มี.ค) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทางการทูตที่ประจำการอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ประกาศว่า พวกเขากำลังเข้าร่วมกับขบวนการเคลื่อนไหว “อารยะขัดขืน” (Civil Disobedience Movement : CDM) ไม่เชื่อฟังรัฐ ปฏิเสธที่จะปฏิบัติงานตามคำสั่งของกองทัพเมียนมาที่ปกครองประเทศอยู่ในเวลานี้


เจ้าหน้าที่ทางการทูตเมียนมาทั้ง 5 คน กล่าวว่า พวกเขารู้สึกเศร้าสลดและหดหู่ใจที่กองทัพทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และไม่สามารถยอมรับได้กับการใช้กำลังที่ร้ายแรงกับผู้ชุมนุมประท้วงที่เคลื่อนไหวโดยสันติวิธี

นอกจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ทูตเมียนมา 5 คน ที่กรุงวอชิงตันแล้ว อู อ่อง จ่อ หน่าย ทูตที่ปรึกษาเมียนมา ที่นครลอสแองเจลิส ได้ประกาศให้ทราบเช่นกันว่า เขาจะเข้าร่วมปฏิบัติการอารยะขัดขืน ไม่ปฏิบัติงานตามคำสั่งของกองทัพเมียนมาตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป

อ่อง จ่อ หน่าย ซึ่งรับราชการที่กระทรวงต่างประเทศมานานเกือบ 30 ปี บอกว่า การตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหว CDM ของเขา เกิดจากความเศร้าสลดใจต่อเหตุการณ์การใช้กำลังเข้าปราบปรามและสลายการชุมนุมอย่างโหดร้ายในเมียนมาเมื่อวันพุธที่ 3 มีนาคม ซึ่งในวันนั้นวันเดียวมีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทูตเมียนมาอีก 3 คน ซึ่งรวมถึงเลขานุการเอก และเลขานุการโท ที่ประจำการ ณ สำนักงานผู้แทนถาวรเมียนมาประจำสหประชาชาติที่กรุงเจนีวา ก็ประกาศจะยืนเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาที่กำลังยืนหยัดต่อสู้เพื่อกอบกู้และเรียกคืนประชาธิปไตยในเมียนมาอยู่ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่ทูตทั้งสามวางแผนจะเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวไม่เชื่อฟังรัฐ อารยะขัดขืน หรือ CDM เช่นกัน

ส่วนที่เยอรมนี ดอว์ ชอว์ กัลยา เลขานุการตรีที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาในกรุงเบอร์บิน บอกให้ทราบเช่นกันว่า เธอไม่ยินดีหรือเต็มใจที่จะปฏิบัติงานภายใต้ระบอบเผด็จการทหารเมียนมาอีกต่อไป เพราะยอมรับไม่ได้กับการที่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือน จับกุมคุมตัวนักการเมืองและประชาชนอย่างไร้ความยุติธรรม ยิ่งกว่านั้น ยอมรับไม่ได้กับ “กลุ่มก่อการร้าย” ที่เข่นฆ่าประชาชน

เจ้าหน้าที่ทูตเมียนมาที่ประกาศจุดยืนจะร่วมปฏิบัติการอารยะขัดขืนนั้น ต่างบอกว่า พวกเขาใช้สิทธิในการที่จะแสดงออกอย่างสันติ เพื่อยืนเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมา และกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่งหน้าที่การงาน เพียงแต่จะไม่ยอมทำงานให้กับสภาบริหารแห่งรัฐของกองทัพ

ความเคลื่อนไหวของบรรดาเจ้าหน้าที่ทูตในต่างประเทศที่ปฏิเสธจะปฏิบัติงานให้กับกองทัพเมียนมา เกิดขึ้นตามมาหลังจาก อู จ่อ โม ตุน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรเมียนมาประจำสหประชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประกาศแตกหักรัฐบาลทหารระหว่างการกล่าวคำแถลงการณ์ต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาติเมื่อเดือนก่อน โดยในแถลงการณ์ เขาวิงวอนให้ประชาคมโลกต่อต้านรัฐประหาร และช่วยให้การสนับสนุนรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้ง ยังได้ชู 3 นิ้ว สัญลักษณ์ที่ถูกใช้ในการแสดงออกเพื่อต่อต้านเผด็จการทหารเมียนมาในเวลานี้กลางที่ประชุมยูเอ็นด้วย

ขณะเดียวกัน ประชาชนชาวเมียนมาที่อาศัยในต่างประเทศ ทั้งประเทศตะวันตกและในเอเชีย ต่างก็พากันออกมาเรียกร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตทั้งหลาย เข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวอารยะขัดขืน ยืนเคียงข้างประชาชน ในแต่ละวัน ชาวเมียนมาในแต่ละประเทศนัดกันไปชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาเพื่อเรียกร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทูตออกมาต่อสู้ร่วมกับประชาชน

เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเมียนมาได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่ทูตอย่างน้อย 100 คนที่ประจำการใน 19 ประเทศ กลับเมียนมาเป็นการด่วน ซึ่งรวมถึงผู้ที่ประจำการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ จีน และญี่ปุ่น

ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่กองทัพเมียนมายึดอำนาจ จนถึงขณะนี้ มีประชาชนพลเรือนชาวเมียนมามากกว่า 50 คนแล้วที่ถูกเจ้าหน้าที่กองกำลังด้านความมั่นคงสังหารขณะเข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านระบอบเผด็จหารทหารอย่างสันติ

เจ้าหน้าที่ทางการทูตเมียนมาที่ประจำการในต่างประเทศซึ่งปฏิเสธที่จะเชื่อฟังหรือทำตามคำสั่งของสภาบริหารแห่งรัฐ (ชื่อรัฐบาลทหารที่ปกครองเมียนมาเวลานี้) ต่างเร่งเร้าเรียกร้องให้กองทัพยอมรับและเคารพผลการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว และคืนอำนาจให้กับประชาชน

พรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 กองทัพทำรัฐประหารในตอนเช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่รัฐสภาชุดใหม่ที่พรรค NLD ครองที่นั่งส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดสมัยประชุม โดยอ้างเหตุจำเป็นบังคับให้กองทัพต้องทำรัฐประหารคือต้องเข้ามาจัดการเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งในครั้งนั้น.- สำนักข่าวไทย

อ้างอิง : https://www.irrawaddy.com/news/burma/10-myanmar-diplomats-refuse-work-military-regime.html?fbclid=IwAR06tAnl_LdYMMqIdstEDhcHltDntMqfj0JEkP9iLf41ahq8FYTT2UGh4gg

อ้างอิง : https://www.facebook.com/351574300169/posts/10158956683085170?sfns=mo

อ้างอิง : https://www.facebook.com/351574300169/posts/10158957705520170?sfns=mo

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย