กรุงเทพ 30 พ.ค. – องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เผยวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถยึดยาเมทแอมเฟตามีน หรือ ยาบ้า ได้กว่า 1 พันล้านเม็ดในปี 2564 ทำสถิติสูงสุด เนื่องจากแก๊งค้ายาเสพติดได้โอกาสในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์ไม่มั่นคงหลังเหตุรัฐประหารในเมียนมาเพื่อลักลอบขนส่งยาเสพติดมากขึ้น
สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่า เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายของรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ยึดยาเมทแอมเฟตามีนเกือบ 172 ตัน เพิ่มขึ้น 7 เท่าจากเมื่อสิบกว่าปีก่อน และทำให้ราคาของยาดังกล่าวทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทยและมาเลเซีย นายเจเรมี ดักลาส เจ้าหน้าที่ของ UNODC กล่าวว่า ปริมาณยาเมทแอมเฟตามีนและสถิติการค้ายาเสพติดในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจนน่าตกใจ ทั้งยังระบุว่า แก๊งค้ายาเสพติดและกลุ่มติดอาวุธได้ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ไม่มั่นคงทางการเมืองของภูมิภาคเหล่านี้และการระบาดของโรคโควิดเพื่อทำกำไรมหาศาลให้แก่ตนเอง
รายงานของ UNODC ยังระบุว่า แม้ยาเมทแอมเฟตามีนที่ถูกยึดมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แต่พบว่ายาไอซ์ที่ถูกยึดกลับมีปริมาณลดลงเหลือ 79 ตัน เทียบกับในปี 2563 ที่มี 82 ตัน แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อนที่มีน้อยกว่า 10 ตัน ทั้งยังระบุว่า รัฐฉาน ทางตอนเหนือของเมียนมา ยังคงเป็นแหล่งผลิตยาเมทแอมเฟตามีนที่สำคัญของภูมิภาคนี้ โดยมีการขนส่งยาเสพติดทางเรือเพิ่มขึ้นไปยังประเทศลาว ไทย และมาเลเซียที่ถูกใช้เป็นเส้นทางผ่านเพื่อขนยาเสพติดไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก.-สำนักข่าวไทย