ยูแวลดี 28 พ.ค.- สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะรัฐเทกซัสของสหรัฐระบุว่า นักเรียนในโรงเรียนประถมได้โทรศัพท์แจ้งสายด่วนหลายครั้งในช่วงที่มือปืนกำลังก่อเหตุสังหารหมู่ แต่ตำรวจประมาณ 20 นายกลับรอในห้องโถงของโรงเรียนนานเกือบชั่วโมงกว่าจะตัดสินใจยิงวิสามัญคนร้าย
นายสตีเวน แมคครอ ผู้อำนวยการสำนักงานฯ เผยว่า นักเรียนอย่างน้อย 2 คนโทรศัพท์แจ้งสายด่วน 911 หลายครั้งขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังจากนายซัลวาดอร์ รามอส คนร้ายวัย 18 ปีเข้ามาในโรงเรียนประถมร็อบบ์ พร้อมกับปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เด็กหญิงคนหนึ่งแจ้งสายด่วนเป็นคนแรกเมื่อเวลา 12:03 น.หลังจากคนร้ายเข้ามาในโรงเรียนแล้วราว 30 นาที เธอกระซิบเสียงแผ่วเบาว่า คนร้ายอยู่ในห้องเลขที่ 112 แต่ตำรวจรอในห้องโถงของโรงเรียนนานกว่า 45 นาทีจึงตัดสินใจบุกสังหารคนร้ายในเวลาต่อมา
นายแมคครอระบุว่า คนร้ายเข้าไปในโรงเรียนเมื่อเวลา 11:33 น. ทีมตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุทันทีที่ได้รับโทรศัพท์สายแรกเมื่อเวลา 12:03 น.หัวหน้าทีมตำรวจคิดในเวลานั้นว่า คนร้ายถูกล้อมอยู่ในโรงเรียนและนักเรียนคนอื่น ๆ ปลอดภัย จึงรอเวลา แต่เมื่อมาทบทวนเหตุการณ์ย้อนหลังแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้อง เขาไม่รู้ว่าตำรวจในที่เกิดเหตุทราบหรือไม่ว่าเด็กที่โทรแจ้งเหตุยังรอความช่วยเหลืออยู่ในโรงเรียน เพราะช่วงเวลา 12:03-12:50 น.มีเด็กนักเรียนโทรศัพท์แจ้งสายด่วนอย่างน้อย 8 ครั้ง แต่ตำรวจตัดสินใจบุกเข้ายุติเหตุการณ์หลังจากได้รับโทรศัพท์สายสุดท้ายไปแล้ว 3 นาที ทั้งที่ระเบียบการปฏิบัติหน้าที่แบบมาตรฐานกำหนดให้ตำรวจต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายที่กำลังก่อเหตุโดยทันที และไม่ต้องรอกำลังเสริมแต่อย่างใด
ด้านผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่า การอพยพคนถูกยิงบาดเจ็บสาหัสไปรับการรักษาตัวภายใน 60 นาทีจะช่วยชีวิตเหยื่อกระสุนได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กนักเรียน 19 คน และครู 2 คนเสียชีวิต ถือเป็นเหตุยิงในโรงเรียนครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 10 ปีของสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย