เจนีวา 24 พ.ค.- ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวถึงตัวเองขณะเสนอตัวดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัยโดยไร้คู่แข่งว่า เป็นคนรักสันติ เพราะถูกหล่อหลอมจากชีวิตวัยเด็กที่เติบโตท่ามกลางสงคราม
ดร. ทีโดรส วัย 57 ปี เป็นชาวแอฟริกันคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ WHO คนที่ 8 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 และเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวที่เสนอตัวชิงตำแหน่งวาระ 5 ปีเป็นสมัยที่ 2 โดยจะมีการลงคะแนนลับเลือกผู้อำนวยการคนใหม่ในวันนี้ ซึ่งต้องได้คะแนนอย่างน้อย 2 ใน 3 เขากล่าวสุนทรพจน์ในวันแรกของการประชุมใหญ่ WHO ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า สงครามคือสิ่งที่สั่นคลอนและทำลายพื้นฐานที่สังคมเคยตั้งอยู่อย่างมั่นคง ยิ่งกว่าโรคระบาด เพราะได้ทิ้งบาดแผลทางใจที่ต้องใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีในการเยียวยา
อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขและรัฐมนตรีต่างประเทศเอธิโอเปียกล่าวอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ตนคือผู้มีประสบการณ์โดยตรง เพราะเป็นเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางสงคราม เสียงยิงปืนและปืนใหญ่ที่ดังกึกก้อง กลิ่นเขม่าควันปืนที่คละคลุ้ง และวิถีกระสุนที่สว่างวาบยามค่ำคืน ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่ เพราะเมื่อเอธิโอเปียเกิดสงครามอีกในปี 2541 เขามีความหวาดกลัวเช่นเดียวกับที่พ่อแม่เคยเป็น ลูก ๆ ของเขาต้องหลบระเบิดในหลุมหลบภัย และขณะนี้เขาต้องเผชิญกับความรู้สึกเจ็บปวดและสูญเสียอีกครั้ง เพราะบ้านเกิดในภูมิภาคทีเกรย์เกิดการสู้รบมาตั้งแต่ปลายปี 2563 ดร. ทีโดรสระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากสงครามคือ ความอดอยากหิวโหยและโรคภัยไข้เจ็บ ประชาคมโลกไม่สามารถแก้ไขเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและความท้าทายที่กองสูงเป็นภูเขาได้ในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกแยก สุขภาพที่ดีจะเกิดขึ้นได้ต้องมีสันติภาพก่อนเท่านั้น
ดร. ทีโดรสถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รวมทั้งจากรัฐบาลสหรัฐสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ประเทศในแอฟริกาส่วนใหญ่สนับสนุนเขาเพราะให้ความสนใจกับภูมิภาคนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็ให้การสนับสนุนเขา ความท้าทายที่รอเขาอยู่หากได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอีกสมัยคือ โควิดที่ยังไม่จบ และโรคฝีดาษลิงที่กำลังระบาดในหลายประเทศ รวมทั้งโรคตับอักเสบในเด็กที่ยังหาต้นตอไม่พบ.-สำนักข่าวไทย