นายกฯ เทเรซา เมย์ ประณามเหตุก่อการร้ายลอนดอน ตาย 5 เจ็บกว่า 40

อังกฤษ 23 มี.ค. – เหตุก่อการร้ายบริเวณนอกอาคารรัฐสภากรุงลอนดอน อังกฤษ มีผู้เสียชีวิต 5 คน รวมถึงตำรวจและผู้ต้องสงสัยชาย เจ็บกว่า 40 คน นายกฯ เทเรซา เมย์ ประณามเหตุก่อการร้าย 


เหตุเกิดขึ้นเมื่อ 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลาเกือบ 22.00 น. ตามเวลาในไทย คนร้ายชายยังไม่ทราบชื่อ ขับรถยนต์ฮุนได พุ่งชนผู้คนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ ที่เชื่อม 2 ฝั่งแม่น้ำเธมส์ กลางกรุงลอนดอน ก่อนรถพุ่งชนรั้วกั้นด้านนอกพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งเป็นอาคารรัฐสภา จากนั้นคนร้ายลงจากรถวิ่งไปแทงตำรวจที่อารักขาด้านนอกอาคารรัฐสภาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่คนร้ายถูกตำรวจอีกนายยิงสกัดระหว่างพยายามก่อเหตุซ้ำจนเสียชีวิตเช่นกัน  


เหตุสะเทือนขวัญเกิดขึ้นขณะ ส.ส.กำลังประชุม ทำให้ต้องสั่งปิดอาคารและบริเวณโดยรอบ และอารักขานายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ กลับทำเนียบเร่งด่วน ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต้องวิ่งหนีเอาชีวิตอย่างทุลักทุเล นอกจากตำรวจและผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 2 คน คือเหยื่อที่ถูกผู้ก่อเหตุขับรถพุ่งชนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ และผู้บาดเจ็บ 20 คน รวมทั้งนักเรียนมัธยมจากโรงเรียนเอกชนชาวฝรั่งเศส 3 คน และสามีภรรยาชาวโรมาเนีย ด้านทางการเกาหลีใต้ระบุมีพลเมืองได้รับบาดเจ็บด้วย 5 คน เป็นหญิง 4 คน ชาย 1 คน อายุ 50-60 ปี ทั้งหมดถูกชนล้มจากกลุ่มคนที่พยายามวิ่งหนีขณะคนร้ายขับรถพุ่งไล่ชนผู้คนบนสะพาน


หลังเกิดเหตุประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำอังกฤษแสดงความเสียใจ และชื่นชมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอังกฤษที่รับมือเหตุร้ายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้คำมั่นว่าสหรัฐจะร่วมมือและสนับสนุนเพื่อนำผู้เกี่ยวข้องในเหตุร้ายครั้งนี้มาลงโทษตามกฎหมาย

 

ด้านประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลองด์ ของฝรั่งเศส กล่าวแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอังกฤษ เช่นเดียว กับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ที่ขออยู่เคียงข้างอังกฤษต่อสู้กับการก่อการร้ายทุกรูปแบบ 

ต่อมานายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แถลงจากทำเนียบบ้านเลขที่ 10 ประณามการก่อเหตุ และว่าการก่อการร้ายจะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวอังกฤษ ผู้นำอังกฤษระบุด้วยว่าจะไม่ปรับเปลี่ยนระดับมาตรการรับมือภัยก่อการร้าย แม้เพิ่งเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ซึ่งตำรวจอังกฤษสอบสวนเป็นเหตุต้องสงสัยก่อการร้าย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อของผู้ก่อเหตุ และยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือ. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง