แบกแดด 5 พ.ค. – พายุทรายพัดถล่มหลายเมืองของอิรักจนทำให้ประชาชนกว่า 1,000 คนป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล โดยพายุทรายดังกล่าวนับเป็นพายุลูกที่ 7 ที่พัดถล่มอิรักในรอบเดือนที่ผ่านมา
สำนักข่าวไอเอ็นเอของทางการอิรักรายงานวันนี้ว่า พายุทรายได้พัดถล่ม 6 จังหวัดของอิรัก เช่น กรุงแบกแดดและจังหวัดอัล-อันบาร์ ทางตะวันตกของประเทศ จนทำให้เกิดเมฆฝุ่นหนาทึบปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เจ้าหน้าที่ของจังหวัดอัล-อันบาร์และคีร์คูก ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงแบกแดด ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอิรักระบุว่า โรงพยาบาลในจังหวัดอัล-อัลบาร์มีผู้ป่วยกว่า 700 คนเข้ารักษาตัวด้วยอาการหายใจไม่ออก ส่วนจังหวัดซาลาห์แอดดิน ทางตอนกลางของอิรัก มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการเดียวกันกว่า 300 คน รวมถึงผู้ป่วยอีกราว 100 คนในจังหวัดดิวานิยะห์ นาจาฟ และพื้นที่ทางใต้ของกรุงแบกแดด
อิรักกำลังได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีปริมาณน้ำฝนลดลงต่ำสุดและมีอุณหภูมิสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญหลายรายให้ความเห็นว่าปัจจัยดังกล่าวจะยิ่งทำให้อิรักประสบปัญหาด้านสังคมและเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นจากเดิมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามอยู่ก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ คาดการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อนว่า อิรักอาจมีทรัพยากรน้ำในประเทศลดลงร้อยละ 20 ภายในปี 2573 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลอิรักเผยเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนว่า อิรักอาจเผชิญกับฝุ่นทรายมากถึงปีละ 272 วันในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย