แคลิฟอร์เนีย 28 เม.ย. – อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ได้ทวีตถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายนโยบายและทีมกฎหมายของทวิตเตอร์ จนทำให้หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับการไม่ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นผู้อื่นและอนาคตของทวิตเตอร์หลังจากที่มัสก์บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการของทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์
มัสก์ระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาไม่เห็นด้วยกับทวิตเตอร์ที่ตัดสินใจระงับการเข้าถึงบทความของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์เกี่ยวกับข่าวของฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเมื่อปี 2563 และเรียกการตัดสินใจดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นอกจากนี้ มัสก์ยังเข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของซาการ์ เอนเจติ นักจัดรายการพอดแคสต์ชื่อดัง ที่กล่าวพาดพิงถึงวิจายา แกด ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยและหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของทวิตเตอร์ว่าเป็นผู้สนับสนุนนโยบายเซ็นเซอร์ตัวยงของทวิตเตอร์
ในขณะเดียวกัน ดิค คอสโตโล อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของทวิตเตอร์ กล่าวว่า มัสก์กำลังทำในสิ่งที่เป็นการกลั่นแกล้งไม่ใช่การแสดงความเป็นผู้นำ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัสก์ที่ตั้งเป้าใช้ถ้อยคำล่วงละเมิดและโจมตีบริษัทที่ตัวเองเข้าซื้อกิจการ จากนั้น มัสก์ได้เข้าไปตอบในโพสต์ของคอสโตโลว่า เขาแค่ต้องการให้ทวิตเตอร์เป็นกลางทางการเมือง ส่วนเคที ฮาร์บาธ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะของเมตา แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ระบุว่า การที่มัสก์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการดูแลเนื้อหาของทวิตเตอร์ทำให้เกิดข้อวิตกกังวลว่า เขาอาจใช้อำนาจลบล้างนโยบายและการดำเนินงานแบบเดิมที่ทวิตเตอร์ตั้งไว้ รวมถึงข้อสงสัยที่ว่า มัสก์อาจรับพนักงานใหม่ที่มีทัศนคติแบบเดียวกันกับเขาเข้ามาทำงานแทนพนักงานที่ไม่เห็นด้วยกับเขา นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังวิตกกังวลว่า นโยบายของทวิตเตอร์ในการจัดการกับโพสต์ที่มีข้อความล่วงละเมิด ความเกลียดชังผู้หญิง และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ อาจถอยหลังเข้าคลองภายใต้การบริหารของมัสก์.-สำนักข่าวไทย