วอชิงตัน 19 เม.ย.- รัฐบาลกลางสหรัฐจะไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัยในระบบขนส่งสาธารณะอีกต่อไป หลังจากผู้พิพากษารัฐบาลกลางในรัฐฟลอริดามีคำชี้ขาดว่า คำสั่งที่ใช้มานาน 14 เดือน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้พิพากษามีคำชี้ขาดในคดีที่กองทุนปกป้องเสรีภาพสุขภาพยื่นฟ้องที่เมืองแทมปา รัฐฟลอริดา เมื่อปีก่อนว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ หรือซีดีซี (CDC) ออกคำสั่งเกินอำนาจหน้าที่ ไม่ปรึกษาความเห็นประชาชน และไม่ชี้แจงเหตุผลอย่างเพียงพอ เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่า ในระหว่างที่หน่วยงานต่างๆ กำลังประเมินว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป คำชี้ขาดของศาลเท่ากับว่าคำสั่งของซีดีซีเรื่องสวมหน้ากากอนามัยในระบบขนส่งสาธารณะไม่มีผลอีกต่อไป ขณะที่รัฐบาลยังสามารถเลือกอุทธรณ์คำชี้ขาดหรือขอชะลอฉุกเฉินในการปฏิบัติตามคำชี้ขาดได้
สายการบินสหรัฐอย่างยูไนเต็ดแอร์ไลน์ อเมริกันแอร์ไลน์ เดลตา เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ เจ็ตบลู และอะแลสกาแอร์ไลน์ ประกาศหลังจากทราบคำชี้ขาดว่าจะไม่บังคับผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยอีกต่อไป ด้านสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่ง หรือทีเอสเอ (TSA) จะเพิกถอนคำสั่งความมั่นคงใหม่ที่กำหนดบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารตามเวลาสหรัฐ เป็นคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในระบบขนส่งมวลชน ตามที่ซีดีซีได้ขยายคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน รถไฟ รถแท็กซี่ รถโดยสารร่วมและศูนย์การขนส่ง ไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม หลังจากบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซีดีซีให้เหตุผลที่ขยายคำสั่งว่า ต้องการเวลาประเมินผลกระทบของยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่กลุ่มอุตสาหกรรมและสมาชิกสภาพรรครีพับลิกันต้องการให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งนี้เป็นการถาวร.-สำนักข่าวไทย