ยูเครน 6 เม.ย. – พื้นที่ตอนเหนือของกรุงเคียฟ ที่การสู้รบได้ลดน้อยลงไป ชาวยูเครนเริ่มกลับไปยังบ้านเรือน แต่ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในสภาพอยู่อาศัยได้อีกแล้ว ส่วนโศกนาฏกรรมที่เมืองบูจา ยังเป็นประเด็นโต้แย้งกันอยู่ รัสเซียยังยืนกรานถูกให้ร้าย
บ้านไร่ตอนเหนือของกรุงเคียฟ ไม่เหลือสภาพให้พักอาศัยอีกแล้ว เจ้าของบ้านในวัย 98 ปี เล่าว่าในวันที่รัสเซียบุก จำต้องหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด เพื่อรักษาชีวิต กลับมาเห็นสภาพบ้านเช่นนี้เขายังไม่รู้ว่าจะเริ่มชีวิตใหม่อย่างไร
เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านชาวไร่ในพื้นที่นี้ ที่ทหารรัสเซียยึดครองมานับเดือนแล้ว เพิ่งถอนกำลังออกไป พวกเขาสูญสิ้น ผู้ที่เคยเพาะปลูกผลิตอาหารตอนนี้ต้องพึ่งอาหารบริจาคเพื่อประทังชีวิต
ชาวบ้านคนนี้เล่าว่า เมื่อทหารรัสเซียมาถึง บอกว่ากำลังมาช่วยชีวิตเราจากรัฐบาลของเราเอง ตอนนี้ครอบครัว 7 คน ไม่เหลือบ้านอยู่แล้ว เหลือเพียงซากเท่านั้น แม้เป็นหมู่บ้านชาวไร่ไม่มีใครได้ละเว้น
ไม่ต่างจากชะตากรรมของผู้คนในเขตเมืองห่างออกไปไม่ไกลนัก ชายหนุ่มคนนี้กลับมายังอาคารที่พักที่กลายเป็นซาก แม้พบเพียงหนังสือรุ่นของคุณแม่ของเขา แต่ได้แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
เมืองโบโรดีอันกา ทางเหนือของกรุงเคียฟ เป็นอีกเมืองที่เกรงกันว่าอาจจะพบสภาพโศกนาฏกรรมเช่นเดียวกับเมืองบูจา ที่ถูกรัสเซียยึดครองตั้งแต่เริ่มสงครามเช่นกัน เมื่อพบร่างของพลเรือนถูกสังหารและทรมานหลายร้อยคน
ทั่วเมืองบูจา ถนนหนทางยังเต็มไปด้วยอันตราย เจ้าหน้าที่ทำงานหนักเพื่อกำจัดอาวุธและวัตถุระเบิด ช่วงวันเดียวเก็บกู้ได้ 295 ชิ้น ภาพจากเมืองบูจากลายเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงหัวใจผู้คนทั่วโลก
ธงชาติยูเครนผืนนี้มาจากเมืองบูจา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักโรมันคาทอลิก นำมาร่วมสวดมนต์กับเด็กๆ ชาวยูเครนที่หนีภัยสงคราม ที่สำนักวาติกัน
พระองค์ทรงประณามเหตุการณ์ที่เมืองบูจา เรียกว่าเป็นการสังหารหมู่ประชาชน ผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางป้องกันตัวเอง จึงให้หยุดสงคราม หยุดเข่นฆ่าและทำลายล้าง
ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกลายเป็นเวทีเผชิญหน้า รัสเซียปฏิเสธคำกล่าวหาสังหารพลเรือน นายวาซซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซีย โต้ว่ายูเครนกำลังสร้างหลักฐานปลอมมาป้ายสีรัสเซีย แล้วจะใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเข่นฆ่าประชาชนของตัวเอง ส่วนชาติตะวันตกยังไม่หยุดปั่นกระแสเกลียดชังรัสเซียทุกวัน ต่อไปก็จะมีคำกล่าวหาให้ร้ายทหารรัสเซียออกมาอีก ด้วยการทำภาพวิดีโอปลอมขึ้นมา
ก่อนนั้นผู้นำยูเครนได้แถลงต่อคณะมนตรี ประกาศว่าเขาจะนำความยุติธรรมให้เหยื่ออาชญากรรมทุกๆ คนให้ได้ เรียกร้องให้จัดตั้งศาลพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามเช่นเดียวกับที่ตั้งขึ้นเพื่อเอาผิดสมาชิกนาซีของเยอรมนี ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ประธานาธิบดียูเครนยังได้ยกประเด็นใหญ่ขึ้นมา ตั้งคำถามถึงบทบาทของคณะมนตรีความมั่นคง ที่ไม่สามารถสร้างความมั่นคงได้เลย แทนที่จะเป็นกลไกหลักของโลกเพื่อรับประกันสันติภาพ กลับไร้ประสิทธิภาพ ประเทศที่มีสิทธิยับยั้งในคณะมนตรีใช้สิทธินั้นมาเข่นฆ่าผู้คน ต่อไปโลกไม่ต้องพึ่งกฎหมายและสถาบันใดๆ แล้ว เมื่อทุกประเทศหันมาใช้กำลังอาวุธกันหมด
ตอนนี้สิ่งที่ชาวยูเครนพึ่งและคาดหวังได้คือ กำลังใจซึ่งกันและกันในเมืองที่ปลอดจากภัยสู้รบ พวกเขารวมตัวกันสวดมนต์ให้เพื่อนร่วมชาติ และอธิษฐานเพื่อชัยชนะในการรักษาเอกราชต่อไป.-สำนักข่าวไทย