วอชิงตัน 30 มี.ค. – สิงคโปร์กับสหรัฐระบุว่า ภัยคุกคามต่อกฎบัตรสหประชาชาติและกฎระเบียบระหว่างประเทศ เช่น การบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย ทำให้ความสงบสุขและความรุ่งเรืองของทั่วโลกตกอยู่ในความเสี่ยง
นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ร่วมหลังจากที่ทั้งสองได้พบปะกันที่ทำเนียบขาวของสหรัฐเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ภัยคุกคามต่อกฎบัตรสหประชาชาติและกฎระเบียบระหว่างประเทศ เช่น การบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย ทำให้ความสงบสุขและความรุ่งเรืองของทั่วโลกตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน ความร่วมมือระหว่างสิงคโปร์กับสหรัฐจึงมีความจำเป็นต่อโอกาสและความท้าทายในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีลีกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนสหรัฐครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีไบเดนเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ
นายกรัฐมนตรีลียังกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกันระหว่างสิงคโปร์กับสหรัฐ โดยอธิบายถึงสาเหตุที่สิงคโปร์ประกาศจุดยืนชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนว่า สิงคโปร์สนับสนุนกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติอย่างแน่วแน่ กฎหมายเหล่านี้ห้ามมิให้ผู้ใดรุกรานอำนาจอธิปไตยของประเทศต่าง ๆ ด้วยเหตุผลนี้ สิงคโปร์จึงได้ออกแถลงการณ์ประณามการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียอย่างรุนแรง ขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนระบุว่า เสียงสะท้อนจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าสงครามของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้ การประชุมของผู้นำสิงคโปร์กับสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่กองทัพรัสเซียประกาศลดปฏิบัติการทหารรอบกรุงเคียฟของยูเครน
ก่อนที่สิงคโปร์และสหรัฐออกแถลงการณ์ร่วม นายกรัฐมนตรีลีและประธานาธิบดีไบเดนได้ประชุมร่วมกันที่ห้องทำงานรูปไข่ ซึ่งเป็นห้องทำงานของผู้นำสหรัฐในทำเนียบขาว เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ เช่น สถานการณ์ในยูเครน การมีส่วนร่วมของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ความร่วมมือระดับทวิภาคีในขอบเขตใหม่ รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาค. -สำนักข่าวไทย