สิงคโปร์จะเลิกกักตัวนักเดินทางต่างชาติตั้งแต่ เม.ย.

สิงคโปร์ 24 มี.ค.-นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศวันนี้ว่า สิงคโปร์จะยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสตั้งแต่เดือนเมษายน และยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในที่กลางแจ้งตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด-19 ของสิงคโปร์


นายกรัฐมนตรีลี แถลงผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า สิงคโปร์จะยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสตั้งแต่เดือนเมษายน รวมถึงจะยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ แต่จะยังคงใช้คำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในอาคาร เนื่องจากพบความเสี่ยงลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการติดเชื้อโควิดในที่กลางแจ้ง นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังจะอนุญาตให้ประชาชนรวมตัวกันได้สูงสุด 10 คน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 5 คน อนุญาตให้พนักงานกลับไปทำงานที่สำนักงานได้สูงสุดร้อยละ 75 และอนุญาตให้เพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมงานขนาดใหญ่ได้ร้อยละ 75 ของความจุพื้นที่

นายกรัฐมนตรีลียังระบุว่า ขณะนี้ สิงคโปร์อยู่ในสถานะที่สามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด เนื่องจากผ่านจุดสูงสุดของการระบาดมาแล้ว สิงคโปร์มีอัตราฉีดวัคซีนโควิดอยู่ในระดับสูง โดยมีประชาชนร้อยละ 95 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส และมีร้อยละ 71 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มสามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน การระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในสิงคโปร์ได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดและกำลังมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์เคยพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 24,000 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม แต่ตอนนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อเพียงวันละ 10,000 คนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และทำให้ระบบสาธารณสุขของสิงคโปร์ก็ยังคงมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เขาจึงเชื่อมั่นว่าสิงคโปร์พร้อมแล้วในการเดินหน้าสู่แนวทางการใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโควิด ขณะนี้ สิงคโปร์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,200 คน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย