ฮ่องกง 22 มี.ค.- ผลการศึกษาของนักวิชาการชี้ว่า การเปิดพรมแดนให้นักเดินทางจากต่างประเทศเข้าฮ่องกงจะมีผลน้อยมากต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
คณะผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง องค์การอนามัยโลก และห้องทดลองปฏิบัติการเรื่องการค้นพบข้อมูลเพื่อสุขภาพคาดการณ์ในการศึกษาเรื่อง “การวางแผนไปข้างหน้า หลังจากฮ่องกงเผชิญการระบาดระลอกที่ 5 ของโอไมครอนสายพันธุ์ BA.2” ว่า การระบาดระลอกที่ 6 น่าจะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน และกินเวลานาน 2 เดือน โดยอ้างอิงตามสมมติฐานที่ว่า ฮ่องกงจะยกเลิกมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมทั้งหมดภายในวันที่ 1 มิถุนายน หลังจากประกาศแล้วว่า จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เช่น การยกเลิกคำสั่งห้ามเที่ยวบินจาก 9 ประเทศ
ผลการศึกษาระบุว่า ตราบใดที่ผู้เดินทางเข้าฮ่องกงฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบิน พวกเขาจะมีผลน้อยมากต่อการแพร่ระบาดในฮ่องกง พร้อมกับแนะนำว่า ยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดสำหรับรัฐบาลในการเดินหน้าคือ การปรับเปลี่ยนอย่างควบคุมไปสู่การมีชีวิตร่วมกับเชื้อไวรัสโดยเร็ว เพื่อปล่อยให้ผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อได้ติดเชื้อในลักษณะที่มีการควบคุมราวร้อยละ 40 เพราะจะนำมาซึ่งการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ผ่านการติดเชื้อตามธรรมชาติและการฉีดวัคซีน โดยย้ำว่า ต้องเพิ่มอัตราคนวัย 70 ปีขึ้นไปที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 โดสจากร้อยละ 70 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 90 ผลการศึกษาคำนวณว่า ภายในวันที่ 30 มิถุนายน ยอดติดเชื้อสะสมในฮ่องกงจะเพิ่มเป็น 6 ล้าน 7 แสนคน และยอดเสียชีวิตสะสมจะสูงสุดที่ 10,882 คน
ฮ่องกงใช้ยุทธศาสตร์ควบคุมโควิดเป็นศูนย์ตามจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยการเร่งติดตามหาผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ตรวจหาเชื้อ และกักตัว แต่ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมขณะนี้มากกว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตมากกว่า 6,000 คน เฉพาะวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,152 คน เสียชีวิต 245 คน.-สำนักข่าวไทย