ดูไบ 19 มี.ค.- สื่อทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี (UAE) รายงานว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรียเดินทางเยือนยูเออีเมื่อวันศุกร์ เป็นการเยือนประเทศอาหรับครั้งแรกนับตั้งแต่ซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองในปี 2554
สำนักข่าวเอมิเรตส์หรือดับเบิลยูเอเอ็ม (WAM) รายงานว่า ประธานาธิบดีอัสซาดเข้าเฝ้าเชค มูฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัล นาห์ยาน มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี ซึ่งเป็นผู้ปกครองยูเออีโดยพฤตินัย หารือความสัมพันธ์ภราดรภาพระหว่างสองประเทศ ความพยายามเสริมสร้างความมั่นคง เสถียรภาพ และสันติภาพในภูมิภาคอาหรับและตะวันออกกลาง การหาทางรักษาอธิปไตยทางดินแดนของซีเรียและการถอนทหารต่างชาติออกจากซีเรีย การให้ความช่วยเหลือทางการเมืองและมนุษยธรรมแก่ซีเรีย เชคมูฮัมหมัดหวังว่า การเยือนครั้งนี้จะนำมาซึ่งความดีงาม สันติภาพ และเสถียรภาพขึ้นในซีเรียและทั้งภูมิภาค
ด้านทำเนียบประธานาธิบดีซีเรียเผยแพร่ภาพประธานาธิบดีเข้าพบเชค มูฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มักตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรียูเออีด้วยในระหว่างการเยือนเป็นเวลา 1 วัน การเยือนครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณล่าสุดว่าซีเรียและยูเออีมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หลังจากยูเออีตัดความสัมพันธ์กับซีเรียในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 และนักการทูตระดับสูงสุดของยูเออีเดินทางไปพบประธานาธิบดีอัสซาดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน
ซีเรียเกิดสงครามกลางเมืองในปี 2554 และถูกสันนิบาตอาหรับระงับสมาชิกภาพ หลังจากเกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศ และมีการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง ประชาชนราว 500,000 คนล้มตาย ขณะที่อีกหลายล้านคนกลายเป็นคนพลัดถิ่น สถานการณ์ทวีความซับซ้อนเมื่อกลุ่มติดอาวุธ มหาอำนาจในภูมิภาคและมหาอำนาจโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง คณะกรรมการไต่สวนเรื่องซีเรียของสหประชาชาติเรียกร้องเมื่อต้นเดือนให้ทบทวนมาตรการคว่ำบาตรที่ใช้กับซีเรีย เพราะทำให้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนย่ำแย่ลง แต่อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลีและสหรัฐออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันอังคารว่า ไม่สนับสนุนการสถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับรัฐบาลอัสซาด.-สำนักข่าวไทย