นิวยอร์ก 14 มี.ค.- นักวิจัยในสหรัฐพบว่า คดีอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังในย่านมหานคร 9 แห่งของสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 เมื่อปีก่อน อันเป็นผลจากกระแสความเกลียดชังที่ปะทุขึ้นในช่วงหาเสียงเลือกตั้งและการที่เหยื่ออาชญากรรมกล้าออกมาเปิดเผยตัวมากขึ้น
นายไบรอัน เลวิน ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาความเกลียดชังและความสุดโต่ง มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซาน เบอร์นาร์ดิโนเผยว่า ปี 2559 ที่ผ่านมาเกิดคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชังทั้งหมด 1,037 ครั้งใน 9 เขตมหานคร เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากปี 2558 นครนิวยอร์กเกิดคดีมากที่สุด 380 คดี เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 ขณะที่กรุงวอชิงตัน ดี ซี เกิดคดีเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึงร้อยละ 62 โดยเกิดขึ้นทั้งหมด 107 คดี นายเลวินชี้ว่า คดีอาชญากรรมจากความเกลียดชังในหลายเมืองเพิ่มขึ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี 8 พฤศจิกายน และต่อเนื่องมาในปีนี้ เห็นได้จากการขู่วางระเบิดชุมชนชาวยิวและทำลายสุสานชาวยิวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เฉพาะนครนิวยอร์กแห่งเดียว มีคดีอาชญากรรมต่อต้านชาวยิว 55 คดีระหว่างวันที่ 1 มกราคม-5 มีนาคมปีนี้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 189 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เกิดขึ้นเพียง 19 คดี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประณามการต่อต้านชาวยิวและระบุว่าเป็นเรื่องที่กระทบเขาเป็นการส่วนตัวด้วย เนื่องจากนางอิวังกา ทรัมป์ บุตรสาวของเขาเปลี่ยนไปนับถือศาสนายิว รวมถึงหลาน ๆ ด้วย แกนนำชาวยิวบางคนมองว่า การข่มขู่ชาวยิวอาจเป็นฝีมือของกลุ่มเชิดชูคนขาวที่เคลื่อนไหวมากขึ้นจากการหาเสียงของทรัมป์ นายเลวินยังไม่สรุปว่าเกี่ยวข้องกัน แต่คิดว่าการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ที่เน้นเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา และชาติกำเนิด รวมถึงการที่สื่อให้ความสนใจรายงานข่าวเหล่านี้มากขึ้น อาจมีส่วนทำให้จำนวนคดีและจำนวนการแจ้งความเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย