เจนีวา 31 ก.ค. – โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ประเทศไทยและกัมพูชาปกป้องพลเรือนจากอันตรายเพิ่มเติม ด้วยการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ตกลงกันเมื่อวันจันทร์อย่างเต็มที่ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสันติภาพ นายเติร์ก กล่าวในแถลงการณ์จากนครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้ว่า ในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งและวิกฤตการณ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น เขายินดีต่อข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยความจริงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมีส่วนร่วมที่สำคัญของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ข้อตกลงที่สำคัญนี้จะต้องได้รับการเคารพอย่างเต็มที่ด้วยเจตนาที่ดีจากทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ความพยายามทางการทูตยังคงดำเนินต่อไป เพื่อแก้ไขต้นตอของความขัดแย้ง ข้าหลวงใหญ่ฯ กล่าวด้วยว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะยังคงพยายามฟื้นฟูความมั่นคงบริเวณชายแดน และให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงและการพลัดถิ่นจะได้รับการเยียวยาตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยมีรายงานว่ามีผู้พลัดถิ่นกว่า 180,000 คนในฝั่งไทย และอีก 168,946 คนในฝั่งกัมพูชา นายเติร์กกล่าวว่า ในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ทางการไทยและกัมพูชาจะต้องดำเนินมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นขึ้นใหม่ ต่อต้านวาทกรรมที่เป็นอันตรายและปลุกปั่น และจัดการกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เขาระบุด้วยว่า เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งสองที่จะต้องดูแลความปลอดภัยและการคุ้มครองพลเมืองของอีกฝ่ายที่อยู่ในอาณาเขตของตน.-813.-สำนักข่าวไทย