ยูเครน 3 มี.ค. – ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครน รัสเซียยังคงรุกหนักในหลายพื้นที่และเพิ่งยึดเมืองใหญ่แห่งแรกได้ แต่ยังไม่สามารถรุกเข้าไปยังกรุงเคียฟได้
ที่กรุงเคียฟ ซึ่งรัสเซียระดมกองทหารจำนวนมากเข้าไปจากทางเหนือเพื่อพยายามปิดล้อมมาหลายวันแล้ว มีการสู้รบตามแถบชานเมืองด้วยปืนใหญ่และจรวดต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ภายในเขตเมืองหลวง รัสเซียยังไม่ได้รุกคืบเข้าไปได้ ก่อนนี้มีการวิเคราะห์โดยฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐและอังกฤษว่า รัสเซียมีปัญหาด้านการส่งกำลังบำรุง ขาดแคลนอาหารและเชื้อเพลิง กองทหารและอาวุธหนักจึงติดค้างอยู่ราว 30 กิโลเมตร จากเมืองหลวงแต่ขณะนี้สัญญาณว่า อาจจะเริ่มโจมตีครั้งใหญ่ พร้อมกับปรับเปลี่ยนมาใช้ยุทธศาสตร์ปิดล้อมเพื่อทำลายล้าง กองทัพรัสเซียได้ออกประกาศเตือนชาวกรุงเคียฟด้วยว่า ให้ชาวกรุงเคียฟอพยพ ออกไปยังเมืองอื่น โดยทหารรัสเซียเปิดทางให้
ต่อมา นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้แถลงโต้และส่งข้อความปลุกใจว่า ชาวยูเครนจะไม่ยอมถอยจากสงครามของผู้รักชาติ รัสเซียผู้รุกรานจะเผชิญแรงต้านทานอย่างหนัก เขายังได้ขอร้องทหารรัสเซียที่ถูกเกณฑ์มาและหลอกใช้ ส่วนใหญ่อายุ 19-20 ปี ให้ถอยหลังกลับบ้าน ผู้นำยูเครนยังได้ประกาศว่า ผ่านมา 1 สัปดาห์ รัสเซียต้องสูญเสียทหารไปแล้วเกือบ 9,000 คน
ในวันนี้มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะจัดประชุมเจรจากันอีกครั้งที่พรมแดนเบลารุส หลังจากครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ไม่สามารถตกลงอะไรกันได้ โดยครั้งนี้ยูเครนยืนกรานว่า รัสเซียจะต้องหยุดโจมตีเสียก่อนจึงจะเดินหน้าเจรจาได้ ขณะเดียวกันเข้าสู่วันที่ 8 จุดที่รัสเซียยังคงโจมตีอย่างหนัก คือพื้นที่ทางใต้และตะวันออกของยูเครนทางใต้นั้น รัสเซียได้เข้ายึดเมืองเคอร์ซอนได้ ถือว่าเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกที่สามารถยึดครองได้ เมืองเคอร์ซอน ตั้งอยู่ติดทะเลดำที่มีประชากรราว 300,000 คน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ตั้งอยู่บนปากแม่น้ำพร้อมท่าเรือใหญ่ที่สามารถใช้เป็นฐานบัญชาการและส่งกำลังบำรุงได้ เมื่อวานนี้ (2 มี.ค.) นายกเทศมนตรีของเมืองปฏิเสธว่ายังไม่แตกพ่ายและยังยืนหยัดต่อสู้ แต่ในที่สุดก็ต้องยอมรับว่าถูกรัสเซียยึดครองแล้ว โดยเขาได้เจรจาขอให้อย่ายิงประชาชน เพราะทหารยูเครนถอนทัพออกไปแล้ว และขอให้ชาวเมืองทำตามคำสั่งต่างๆ ของรัสเซีย
อีกเมืองทางใต้ ที่รัสเซียเปิดการโจมตีหนักที่สุด คือ เมืองมาริอูโพล รัสเซียได้ระดมยิงปืนใหญ่อย่างหนัก มีรายงานว่าเมื่อวานนี้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ส่วนที่เมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกใกล้พรมแดนรัสเซีย ยังคงต้านทานเอาไว้ได้แม้ว่าเมื่อวานนี้รัสเซียได้ส่งทหารพลร่มเข้าไปและโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่อย่างหนัก ทำให้มีหลักฐานเพิ่มอีกมากมายว่า รัสเซียได้โจมตีเป้าหมายพลเรือน
หลายชาติได้กล่าวหารัสเซียเรื่องนี้ โดยยกหลักฐานการใช้อาวุธต้องห้าม ทั้งคลัสเตอร์บอมล์ หรือ ระเบิดพวงที่บรรจุลูกระเบิดขนาดเล็ก และ ระเบิด เทอร์โมบาริก หรือระเบิดสูญญากาศ ที่ทำลายล้างสูง ที่สำคัญคือนำมาใช้ในพื้นที่พลเรือนทำให้เสียชีวิตจำนวนนี้ ทำให้ขณะนี้ ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ ได้เริ่มสืบสวนว่า รัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยอัยการระบุว่า ได้รวบรวมหลักฐานที่ชี้มูลความผิดเอาไว้ระยะหนึ่งแล้ง จนขณะนี้มีประเทศต่างๆรวม 38 ประเทศ ได้ร่วมร้องเรียนจึงจะเปิดการสืบสวนอย่างเป็นทางการทันที
รัสเซียถูกต่อต้านจากหลายทาง ในทางการทูตนั้น สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ได้จัดประชุมฉุกเฉินเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี พร้อมกับลงคะแนนรับรองข้อมติให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครนและถอนทหารออกไป โดยมีผู้รับรอง 141 ประเทศ รวมทั้งไทยด้วยแต่มีผู้ที่คัดค้าน 5 ประเทศ คือ รัสเซียเอง เบลารุส ซีเรีย เกาหลีเหนือ และเอริเทรีย สำหรับประเทศที่งดออกเสียง มีทั้ง จีน และอิหร่าน ซึ่งมีความใกล้ชิดรัสเซีย รวมถึง อินเดีย ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ไม่แสดงจุดยืนชัดเจนแม้ว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุด
ในทางธุรกิจนั้น มีบริษัทระดับโลกหลายแห่งทะยอยถอนตัวหรือระงับการทำธุรกิจกับรัสเซีย พร้อมกับที่ธนาคารรัสเซียหลายแห่งได้ถูกถอดจากระบบการทำธุรกรรมออนไลน์ระหว่างประเทศ ที่เรียกว่า สวิฟท์ ทำให้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียลดฮวบ ธนาคารกลางต้องเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายและรัฐบาลต้องตั้งข้อกำหนดควบคุมต่างชาติในการถอนเงินและทรัพย์สินออกนอกประเทศ อีกด้านหนึ่ง ผ่านมาครบสัปดาห์แล้ว ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ได้รายงานว่า ผู้อพยพลี้ภัยสงครามยูเครนเพิ่มขึ้นเกินล้านคนแล้ว กลายเป็นวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่ทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆในยุโรป เรียกประชุมด่วนเพือให้ความช่วยเหลือ
การทำสงครามรุกรานยูเครนนี้ ยังคงถูกต่อต้านจากนานาชาติ และชาวรัสเซียในประเทศอย่างต่อเนื่อง เกิดการประท้วงในหลายเมือง เท่าที่ผ่านมามีผู้ถูกจับไปแล้วเกือบหมื่นคน ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์และนักข่าวในรัสเซียหลายพันคน ได้ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์คัดค้านการทำสงครามที่พวกเขาเรียกว่า เป็นการรุกรานที่ยุติธรรมและไร้สติ ซึ่งรัสเซียทั้งประเทศต้องถูกประณามและถูกตัดขาดจากทั่วโลก จึงเรียกร้องให้ยุติการทำสงครามในทันที.-สำนักข่าวไทย